Category

Skincare

Category

ครีมบํารุงมือ และครีมบำรุงผิวกาย ที่ใช้แล้วดี เผยผิวเนียนนุ่มน่าสัมผัส

ครีมบํารุงมือ และครีมบำรุงผิวกาย ที่ใช้แล้วดี เผยผิวเนียนนุ่มน่าสัมผัส

ครีมบํารุงมือ 10 ยี่ห้อแนะนำใช้แล้วดี มือเนียนนุ่มน่าสัมผัส การใช้ครีมทาผิว ไม่จำเป็นว่าจะต้องใช้ทาที่แขน ขา หรือใบหน้าเท่านั้น การทาที่มือก็สำคัญ เพราะบางคนอาจจะทำงานหนัก หรืออยู่ในสภาพเวลาที่ทำให้มือเหี่ยวย่นได้ไว ทำให้ต้องมีการบำรุงอยู่ตลอดเวลา และวันนี้เราก็มี 10 ครีมบํารุงมือ ที่ใช้แล้วมือนุ่มน่าสัมผัสแน่นอน อย่ารอช้าไปดูว่ามีอะไรบ้าง 

1. THANN Eden Breeze Hand Cream

ครีมบำรุงมือ

ตัวแรกเป็น ครีมบํารุงมือ ที่มีเนื้อบางเบา นิ่มละมุน ทำให้ซึมซับเข้าสู่ผิวได้ดี โดยครีมนี้จะเหมาะกับทุกสภาพผิว แถมยังอุดมด้วยกรดไขมันที่จำเป็นต่อผิวหนัง ซึ่งจะไปช่วยรักษาสมดุลความชุ่มชื้นของผิวหนังได้ดี และมีน้ำมันสกัดจากธรรมชาติ 7 ชนิด ที่ช่วยชะลอการเหี่ยวย่นของผิว ช่วยเก็บรักษาความชุ่มชื้น ให้กับผิวได้อยู่ตลอด ช่วยลดการระคายเคืองในผิวได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งยังมีกลิ่นหอมเล็กๆ ซึ่งสามารถช่วยปรับสมดุลระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้สามารถคลายความเครียด และช่วยบำบัดอาการนอนไม่หลับ ราคาอยู่ที่ 790 บาท 

2. ครีมบํารุงมือ BURT’S BEES Ultimate Care Hand Cream

ครีมบำรุงมือ

เป็นครีมบํารุงมือที่มีความเข้มข้น แต่ก็ไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึ่งสามารถเติมความชุ่มชื่นให้ผิวได้ดี แม้ผิวจะแห้งมากสักเท่าไร โดยจะไม่มีกลิ่นน้ำหอมให้ได้กลิ่นเลย และยังถนอมผิวหนังให้เรียบเนียน น่าสัมผัสด้วยส่วนผสมจากน้ำมันธรรมชาติ ซึ่งจะอุดมไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็น และยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่จะไปบำรุงผิว ซึ่งทำให้ผิวมีความชุ่มชื่น  และสามารถซึมได้เร็ว ทำให้ไม่ทิ้งคราบมันบนผิวมือหลงเหลือ ราคาอยู่ที่ 1,130 บาท

3. SUQQU Scented Moisturizing Hand Cream WT

ครีมบำรุงมือ

เนื้อครีมมีความบางเบา เรียบเนียน ละเอียด ไม่เหนียวมือ เพราะครีมมีส่วนผสมของ Emollient Oils ที่จะทำให้มือเนียนนุ่มชุ่มชื่น ดูมีสุขภาพดี และยังให้ความยืดหยุ่น และเติมเต็มความชุ่มชื้นได้ดี แถมยังช่วยต่อต้านริ้วรอย จุดด่างดำ ทำให้ผิวหนังมีความสว่างกระจ่างใส มากับกลิ่นหอมสดชื่นของชาขาว มะกรูด มะนาว ที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยนน่าใช้ ราคาอยู่ที่ 1,500 บาท

4. ครีมบํารุงมือ THE BODY SHOP Almond Hand & Nail Cream

ครีมบำรุงมือ

มาช่วยคืนความแข็งแรงให้ผิวหนังที่มือ ความแข็งแรงที่เล็บ โดยครีมนี้จะให้การบำรุงที่มากับกลิ่นหอมอัลมอนด์ และยังอุดมไปด้วยส่วนผสมสูตรเข้มข้นของเชียบัตเตอร์ เป็นหนึ่งใน โลชั่นสำหรับผิวแห้งมาก ที่ถ้าได้ใช้แล้วละก็วางไม่ลงแน่นอน ราคาอยู่ที่ 250 – 500 บาท 

5. HOHM Skin + Senses Hand Cream

ครีมบำรุงมือ

ครีมบํารุงมือ ตัวนี้เป็นครีมที่บางเบา ไม่เหนียวมือ ซึ่งก็จะบำรุงผิวมือให้มีความชุ่มชื้นขึ้น ลดเลือนริ้วรอยที่ไม่พึงประสงค์ ทำให้นุ่มนวลน่าสัมผัส แถมยังกำจัดปัญหามือแห้งหรือมือหยาบกร้านได้ดี เพราะตัวครีมจะมีสารสกัดจากธรรมชาติเข้มข้น ซึ่งเป็นทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื่น ดูกระจ่างยาวนานตลอดทั้งวัน และยังมากับกลิ่นที่หอม และมีให้เลือกถึง 5 กลิ่น ตามการใช้งาน ราคาอยู่ที่ 290 บาท

6. ครีมบํารุงมือ Galanaan Hand Perfume Lotion

ครีมบำรุงมือ

โลชั่นน้ำหอมที่ใช้สำหรับมือและแขนโดยเฉพาะ มีเนื้อครีมที่สัมผัสแล้ว อ่อนนุ่ม และยังเติมความชุ่มชื้นให้ผิว โดยการเติมน้ำและลดอาการแสบระคายเคืองผิว ด้วยสารสกัดจากอโลเวรา ผสมผสานคุณค่าสารสกัดจากจมูกข้าวสาลี และถั่วเหลือง ที่เต็มไปด้วยวิตามินอี ซึ่งจะมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย รวมทั้งสารที่ช่วยขจัดสารพิษ ทำให้ผิวดูเรียบเนียน ดูมีสุขภาพดี ราคาอยู่ที่ 249 บาท

7. HARNN Cymbopogon Hand Cream

ครีมบำรุงมือ

มากับ ครีมบํารุงมือ และเล็บโดยเฉพาะ ที่มาจากสารสกัดธรรมชาติหลากหลายชนิด ทั้งเชียบัตเตอร์ โกโก้บัตเตอร์ และน้ำสกัดจากผลองุ่น ที่ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื่น กระจ่างใส ช่วยลดอาการแสบระคายเคือง และช่วยลดริ้วรอย และความเหี่ยวย่นอันไม่ถึงประสงค์ออกไป ราคาอยู่ที่ 790 บาท

8. ครีมบํารุงมือ PAÑPURI Hand Cream

ครีมบำรุงมือ

ตัวนี้เป็นครีมแบรนด์ยุโรปที่ช่วยปกป้องผิวมือ ที่มีความหอมของกลิ่นดอกลาเวนเดอร์ออร์แกนิก และวานิลลามาดากัสการ์ ทำให้มีประสิทธิภาพในการปกป้องมือและช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวได้ดียิ่งขึ้น แถมครีมตัวนี้ยังสกัดจากพืชธรรมชาติมากถึง 95% ทำให้มีผิวที่เนียนนุ่ม อ่อนเยาว์ น่าสัมผัส ราคาอยู่ที่แค่ 75 บาท เท่านั้น 

9. NIVEA Hand Cream Q10 3in1

ครีมบำรุงมือ

แฮนด์ครีมจากแบรนด์ดังอย่าง NIVEA ครีมบํารุงมือ ตัวนี้จะช่วยเติมน้ำพร้อมกักเก็บความชุ่มชื่นให้ผิวมืออย่างยาวนานตลอดทั้งวัน แบบไม่ทิ้งคราบความเหนียวเหนอะหนะให้กวนใจแล้ว ยังช่วยปกป้องผิวจากรอยเหี่ยวย่น ริ้วรอย ด้วยสารสกัดจาก Q10 Plus Anti-oxidation Repair และปกป้องผิวจากอันตรายของแสงแดดได้อีกด้วย 

10. Vaseline Healthy Hands Nails Conditioning Pink

ครีมบำรุงมือ

ครีมบำรุงมือ ที่ทั้งราคาถูกและมีคุณภาพ ครีมทามือและเล็บจากแบรนด์วาสลีนก็ถือว่าตอบโจทย์ เพราะตัวนี้มีเนื้อสัมผัสที่บางเบา ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ อุดมด้วยคุณค่าจากเคราตินและมอยส์เจอร์ จึงช่วยบำรุงให้มือเนียนนุ่ม เติมเต็มความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก และยังช่วยบำรุงเล็บให้แข็งแรงขึ้นกว่า ทั้งยังมีกลิ่นหอม ๆ อ่อน ๆ ติดมือด้วย 

ครีมบํารุงมือ ก็เป็นอีกสิ่งที่ควรจะพกไว้ติดกระเป๋าเหมือนกัน เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่มือแห้งหรือลอก เชื้อโรคก็จะเข้ามาสู่ร่างกายได้ง่ายยิ่งขึ้น รวมถึงหลายคนอาจจะเน้นการบำรุงผิวกายหรือผิวหน้า แต่อาจจะละเลยการบำรุงมือและเล็บไป ดังนั้น อย่าลืมมองหาครีมทามือดีๆ  กลิ่นหอมๆ สักตัวมาลองใช้จะได้สวยทั้งตัวจรดปลายเล็บกันเลยทีเดียว


10 อันดับ ครีมบำรุงผิวกาย ยอดนิยม ที่คนรักคนหลงทั่วประเทศ

ครีมบำรุงมือ

นอกจาก ครีมบํารุงมือ แล้ว การบำรุงผิวกายก็สำคัญไม่แพ้กัน ครีมบำรุงผิวกาย 10 อันดับ ยอดนิยม ที่คนรักคนหลงทั่วประเทศ สำหรับทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวที่กำลังมีปัญหาเรื่องผิวหยาบแห้งเสีย และดูไม่สดใส หรือสำหรับใครที่กำลังมองหาครีมบำรุงผิว เพื่อช่วยให้ผิวพรรณได้รับการดูแลที่ดียิ่งขึ้น มาที่บทความนี้กันได้เลย เพราะเรากำลังจะบอกถึง 10 อันดับ ครีมบำรุงผิวยอดนิยมที่คุณไม่ควรพลาด 

1. CUTE PRESS IDEAL WHITE BRIGHTENING BODY LOTION

ครีมบำรุงมือ

ครีมบำรุงผิว ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ผสานคุณค่าด้วยวิตามินบี 3 ช่วยลดรอยหมองค้ำ ฟื้นฟูผิวที่แห้งกร้านให้กลับมาชุ่มชื้น และสดใสอ่อนกว่าวัย ราคาเบาๆ สบายกระเป๋าเพียง 199 บาท ปริมาณ 220 มล.

2. VASELINE HEALTHY WHITE UV LIGHTENING

ครีมบำรุงมือ

เห็นผลไวภายใน 2 สัปดาห์ทำให้ครีมบำรุงผิวตัวนี้เข้ามาติดในอันดับยอดนิยมของเรา เรียกได้ว่าสาวๆ หลายคนยกให้เป็นหนึ่งใน ครีมกลูต้าไวท์ที่ใช้ได้ผลจริง เพราะนอกจากจะมีวิตามินบี 3 ที่ช่วยบำรุงผิวอย่างล้นเหลือแล้ว ยังมีทริปเปิลซันสกรีนที่ช่วยปกป้องรังสียูวีจากแสงแดดได้ดีมากอีกด้วย 

3. NIVEA BODY LOTION UV WHITENING EXTRA CELL REPAIR & PROTECT

ครีมบำรุงมือ

ครีมทาผิวอีกตัวที่มาพร้อมกับการผสมสารกันแดด ให้เราได้บำรุงผิว และปกป้องผิวไปพร้อมกัน มีวิตามินซีสูงถึง 50 เท่า แหล่งรวมสารสกัดจากผลไม้นานาชนิด เช่น เซโรล่า เชอร์รี่ และคามู คามู บำรุงผิวได้ 8 ประการ ช่วยฟื้นผิวจากแสงแดดและธรรมชาติ สีผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ ลดรอยดำ เพิ่มความชุ่มชื้น และประโยชน์อีกมากมาย ราคา 225 บาท ขนาด 500 มล.

4. ORIENTAL PRINCESS BODY LOTION

ครีมบำรุงมือ

เนื้อครีมซึมซาบเข้าสู่ผิวอย่างรวดเร็ว ไม่เหนียว ไม่มัน แถมยังผสมความหอมที่อ่อนละมุม จนทำให้เกิดความผ่อนคลายได้ตลอดทั้งวัน

5. JERGENS ORIGINAL SCENT

ครีมบำรุงมือ

กลิ่มหอมบำบัดจากเชอร์รี่อัลมอนด์ ที่ถูกผสมเข้าไปทำให้ครีมบำรุงผิวตัวนี้ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ช่วยเรื่องผิวแห้งได้ทันที พร้อมสดชื่นตลอดทั้งวันไม่ว่าจะทำกิจกรรมอะไร ก็มีผิวที่เนียนนุ่มได้ตลอดเวลา

6. CITRA PEARLY WHITE UV EXTRA

ครีมบำรุงมือ

Citra ชื่อนี้การันตีคุณภาพในเรื่องของครีมบำรุงผิว ตัวนี้มาพร้อมการผสมสารจากบัวหิมะ ที่ช่วยให้ผิวดูมีออร่าเหมือนดารา ช่วยฟื้นฟูผิวที่หมองคล้ำ และป้องกันไม่เกิดปัญหาผิวเสียอย่างตรงจุดกับส่วนผสมของ UV Protection ป้องกันได้หมดทั้ง UVA และ UVB

7. CeraVe Daily Moisturizing Lotion

ครีมบำรุงมือ

โลชั่นบำรุงผิวกาย ตัวนี้เหมาะมากกับคนที่ผิวแห้งกร้าน รวมไปถึงผิวแพ้ง่าย ขาดความชุ่มชื้น ประกอบไปด้วย เซราไมด์ที่จำเป็นต่อผิว  3  ชนิด โดยสกัดจากพืชธรรมชาติ พร้อมผสานด้วยไฮยาลูรอนิกแอซิด ช่วยชดเชยความชุ่มชื้น และเสริมสร้างปราการปกป้องผิวให้ผิวแข็งแรงมากขึ้น

8. Garnier Light Complete Extra Whitening Repairing Milk Lotion

ครีมบำรุงมือ

โลชั่นที่ช่วยบำรุงผิวเพื่อผิวกระจ่างใสเป็นธรรมชาติ ช่วยลดเลือนจุดด่างดำและขจัดความหมองคล้ำบนผิวกายด้วยสารสกัดบริสุทธิ์จากมะนาว พร้อมกรองรังสียูวีเอและยูวีบี ให้คุณอวดผิวสวยอย่างมั่นใจ เป็นครีมทาผิวที่กลิ่นจะออกไปทางเลม่อนหอมอ่อนๆ ไม่ฉุน เนื้อซึมไว ใช้เป็นกันแดดทาในช่วงเช้าของวันได้ด้วย

9. BHAESAJ Extra Whitening Lotion

ครีมบำรุงมือ

ครีมทาผิวจากเภสัช อีกหนึ่งโลชั่นในตำนาน อุดมไปด้วยส่วนผสมเพื่อบำรุงผิวให้กระจ่างใสแบบจัดเต็ม แต่ตัวที่โดดเด่นที่สุดของสูตรนี้คงไม่พ้นอัลฟ่าอาร์บูตินที่มีส่วนช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ช่วยเคลียร์ปัญหาจุดด่างดำและผิวหมองคล้ำ ทำให้ผิวแลดูสดใสสุขภาพดี และยังมีผสมสารกันแดดมาให้ในตัว เรียกได้ว่าเป็น ครีมแบรนด์ไทยช่วยผิวสวย ในราคาย่อมเยาจริงๆ

10 Clarins Renew-Plus Body Serum

ครีมบำรุงมือ

โลชั่นบำรุงผิวเนื้อเซรั่ม จากแบรนด์ Clarins ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก มีส่วนผสมจากสารสกัดของพืชพรรณธรรมชาติ อ่อนโยนต่อผิว มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าเผยผิวใหม่ ลดเลือนจุดด่างดำ กระ บำรุงผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื่น ผิวขาวกระจ่างใสเป็นธรรมชาติ 

หมดห่วงเรื่องแดดเมืองไทย เพียงแค่ทา ครีมบำรุงผิวกาย แล้วสบายใจก็กล้าโชว์ความขาวใสของผิว ให้หลายคนต้องตกหลุมกับเสน่ห์ของผิวคุณที่ส่องสว่าง ขาวเนียน แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าจะมีอะไรดีๆ มาแนะนำกันอีก อย่าลืมมาติดตามกันนะ


อ้างอิง

แนะนำ 10 “โลชั่นผิวขาว” ยิ่งทา ยิ่งออร่าพุ่ง!!. https://www.wongnai.com/highlight-products/whitening-cream-aura

หน้าแห้งใช้อะไรดี 10 อันดับ ครีมแก้ผิวหน้าแห้งได้ผลดีที่สุด

หน้าแห้งใช้อะไรดี 10 อันดับ ครีมแก้ผิวหน้าแห้งได้ผลดีที่สุด

หากว่าสาวๆ คนไหนที่มีผิวหน้าปกติก็ถือได้ว่าเป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง แต่สำหรับสาวผิวหน้าแห้งที่ต้องผจญกับความแห้งกร้าน ไม่ชุ่มชื่น ก่อให้เกิดผิวแพ้ง่าย บางคนถึงกับผิวหน้าลอกเป็นขุย แต่งหน้าไม่สวยงาม ที่สำคัญเมคอัพไม่ติดทนต้องหมั่นเติมเครื่องสำอางบ่อยๆ คิดแล้วคงปวดหัวแทนไม่ใช่น้อยเลยใช่มั้ยคะ โดยเฉพาะใกล้ถึงหน้าหนาวแล้วสาวผิวแห้งคงจะวิตกกังวลว่า หน้าแห้งใช้อะไรดี และจะแก้ปัญหาได้อย่างไร

ซึ่งปัญหาของสาวผิวแห้งจะหมดไปเมื่อได้รับการดูแลและรักษาอย่างถูกวิธีเพราะสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวหน้าแห้งเพราะดูแลผิวหน้าไม่ตรงกับสภาพของผิวหน้านั่นเอง วันนี้เราเลยจะมาแนะนำ 10 อันดับ ครีมแก้ผิวหน้าแห้งได้ผลดีที่สุด

1. THE BODY SHOP Body Butter

หน้าแห้งใช้อะไรดี

สำหรับ The Body Shop Body Butter ขึ้นชื่อว่าเป็นไอเทมเด็ด สาวๆ หลายคนที่เคยใช้ต่างชื่นชอบด้วยเนื้อครีมที่มีความเข้มข้น ไม่ทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ และเมื่อทาก่อนนอนเวลาที่ตื่นขึ้นมาสามารถสัมผัสได้ว่าผิวเนียนนุ่มสุดๆ

ในส่วนของกลิ่นก็มีให้เลือกหลากหลาย ซึ่งส่วนใหญ่จะออกแนวธรรมชาติเบาๆ แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน ราคาอาจจะแรงไปเสียหน่อย แต่รับรองว่าหนึ่งกระปุกสามารถใช้งานได้นานถือว่าคุ้มค่าเลยทีเดียว บอกเลยว่าครีมตัวนี้เป็นอีกหนึ่งไอเทมที่สาวๆ ต้องมี!

2. L’OCCITANE ALMOND MILK CONCENTRATE

หน้าแห้งใช้อะไรดี

สาวๆ คนไหนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของ L’Occitane คงทราบดีว่าครีมตัวนี้ ข้อดีคือมีกลิ่นหอมมากโดยเฉพาะกลิ่นหอมของ Almond และตัวของเนื้อครีมที่ไม่หนักเกินไป

แต่สรรพคุณแน่นไปด้วยสูตรเข้มข้นที่บำรุงผิวได้อย่างล้ำลึกช่วยทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นยาวนาน พร้อมด้วยส่วนผสมของสารสกัดจากอัลมอนด์และวอลนัท ยิ่งช่วยให้ผิวเต่งตึง กระชับ ผิวเฟิร์มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหมาะสำหรับสาวๆ ที่มีปัญหาผิวหน้าแห้งอย่างมาก

3. PHARMACOK’F BURNOVA GEL PLUS

หน้าแห้งใช้อะไรดี

เจลว่านหางจระเข้ตัวนี้สาวๆ หลายคนยกให้เป็นไอเทมโปรดในการแก้ปัญหาสิว รอยสิว และสาวผิวหน้าแห้งก็สามารถนำไปใช้ได้ดีเช่นเดียวกัน ด้วยเพราะเจลว่านหางจระเข้ตัวนี้นำไปใช้ทาบำรุงผิวหน้า ช่วยให้ผิวหน้าที่แห้งอยู่ให้ชุ่มชื้นขึ้น แถมยังลดอาการแพ้หรือคันได้อีกด้วย

4. JERGENS ULTRA HEALING EXTRA DRY SKIN MOISTURIZER

หน้าแห้งใช้อะไรดี

ครีมนำเข้าจากต่างประเทศยอดนิยมมาหลายยุคหลายสมัย เรียกได้ว่าเป็นไอเทมเด็ดที่ใช้กันมาตั้งแต่รุ่นคุณแม่เลยทีเดียว โดยเฉพาะครีมรุ่นนี้ถูกผลิตขึ้นมาสำหรับเป็นโลชั่นสำหรับผิวแห้งสำหรับสาวๆ โดยเฉพาะ

เมื่อใช้ไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง คุณก็จะพบความเปลี่ยนแปลงของผิวได้อย่างชัดเจน ผิวของคุณจะเนียนนุ่มชุ่มชื้นขึ้น แต่กระซิบก่อนว่าครีมตัวนี้จะค่อนข้างหนืดพอสมควรถ้าอยากสวยคงต้องทนหน่อยนะจ๊ะ

5. SKINFOOD QUINOA RICH BODY CREAM

หน้าแห้งใช้อะไรดี

แบรนด์ชื่อดังสัญชาติเกาหลียอดนิยมของสาวไทย ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องของสกินแคร์ เครื่องสำอาง รวมทั้งครีมบำรุงผิวก็เป็นหนึ่งในไอเทมเด็ดที่น่าใช้มากๆ และสำหรับสาวผิวแห้งก็ต้อง Quinoa Rich Body Cream ตัวนี้ เนื้อครีมมีลักษณะคล้ายๆ มูส นุ่มๆ กลิ่นข้าวหอมอ่อนๆ เมื่อใช้แล้วสัมผัสได้ว่าผิวนุ่มชุ่มชื้นแบบสุดๆ สาวๆ คนไหนที่สนใจก็ไม่ต้องบินไกลถึงเกาหลีแล้ว เพราะในไทยก็มีช้อปให้เลือกซื้อกันแล้วจ้า

6. CETAPHIL MOISTURIZING CREAM

หน้าแห้งใช้อะไรดี

แบรนด์ดังที่ไม่ได้มีดีแค่สบู่เพียงอย่างเดียว ตัวครีมบำรุงผิวผสมมอยส์เจอไรเซอร์ก็ถือว่าเริ่ดเหมือนกัน ยิ่งครีมตัวนี้ที่ผลิตมาให้เฉพาะสาวผิวแห้งและแพ้ง่าย ฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องของความเข้มข้น

เพราะครีมมีความเข้มข้นมาก ที่สำคัญคือกระปุกใหญ่มากๆ อีกด้วย ใช้แล้วคุ้มสุดๆ แถมสาวที่พบปัญหาผิวแห้งมากและมีอาการคัน ตกสะเก็ด เป็นขุย ครีมตัวนี้สามารถช่วยได้อย่างยอดเยี่ยม 

7. NEUTROGENA HYDRO BOOST GEL CREAM

หน้าแห้งใช้อะไรดี

สาวคนไหนที่รู้สึกว่าตัวเองหน้าแห้งหรืออยู่ในที่ที่มีอากาศเย็นตลอดเวลา เจลตัวนี้สามารถเข้าไปช่วยฟื้นบำรุงผิวที่แห้งกร้านและขาดน้ำได้ แถมยังช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้นยาวนานได้ถึง 2 เท่า และมีสารสกัดจาก Olive ที่จะส่งผลให้หน้าเด้ง เนียนใสน่าสัมผัส

 8. LANEIGE WATER SLEEPING MASK

หน้าแห้งใช้อะไรดี

สุดยอดครีมที่ขึ้นชื่อเรื่องความสดชื่นและชุ่มชื้นของเกาหลีใต้ เป็นครีมบำรุงผิวหน้าและสลีปปิงมาส์ก เมื่อทาผิวหน้าไว้ตอนกลางคืนแล้วนอน ตื่นขึ้นมาจะรู้สึกว่าหน้าอิ่มน้ำ สัมผัสได้ว่าหน้าเด้งใสเนียนนุ่ม ตัวเนื้อครีมค่อนข้างบางเบา ทำให้ซึมเข้าสู่ผิวได้ง่ายและยังเย็นสบายผิว เมื่อได้ลองตัวนี้แล้วบอกเลยว่าติดใจแน่นอน! 

9. EUCERIN PH5 SKIN-PROTECTION LOTION F

หน้าแห้งใช้อะไรดี

Eucerin สูตรนี้ เป็นสูตรพิเศษที่มีส่วนผสมของน้ำมันช่วยหล่อเลี้ยงสูงมากกว่าสูตรอื่นๆ ฉะนั้นสาวผิวแห้งจึงไม่ควรพลาดที่จะนำมาใช้บำรุงผิวหน้า หรือคนที่ต้องอยู่ในที่อากาศเย็นบ่อยๆ เช่น ในห้องแอร์ ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน รับรองว่าผิวของคุณจะนุ่มชุ่มชื้นเนียนน่าสัมผัสอย่างแน่นอน 

10. PHYSIOGEL SOOTHING CARE CREAM

หน้าแห้งใช้อะไรดี

สาวผิวแพ้ง่ายหลายคนคงจะรู้จักแบรนด์นี้อย่างแน่นอน เพราะครีมตัวนี้ไม่ได้ช่วยแค่เรื่องผื่นแพ้หรือผื่นคันเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความแห้งของผิวให้ชุ่มชื้นขึ้นทันทีหลังใช้งาน และที่สำคัญมีความปลอดภัย 100% เพราะตัวครีมปราศจากสารกันเสีย น้ำหอม สี จึงมั่นใจได้ว่าจะไม่ทำให้ผิวแห้งลงกว่าเดิม

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 10 ครีมแก้หน้าแห้งที่จะช่วยบำรุงผิวหน้าของคุณให้กลับคืนสู่สภาพเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น ครีมบางตัวยังมีสรรพคุณให้หน้าขาวกระจ่างใส ฉะนั้นหน้าหนาวที่จะถึงนี้คงมีคำตอบสำหรับ หน้าแห้งใช้อะไรดี กันแล้ว แต่นอกเหนือจากครีมที่กล่าวมาครีมแบรนด์ไทยก็มีดีหลากหลายยี่ห้อที่ช่วยบำรุงผิวให้คุณได้เช่นกัน


ผิวหน้าแห้งมาก 10 วิธีแก้ผิวหน้าแห้ง หยาบกร้าน ที่คุณควรรู้

หน้าแห้งใช้อะไรดี

ผิวหน้าแห้งมาก 10 วิธีแก้ผิวหน้าแห้ง หยาบกร้าน ที่คุณควรรู้ สำหรับคนที่มีผิวหน้าแห้งอย่านิ่งนอนใจเป็นอันขาด หลายๆ คนอาจจะคิดว่าผิวหน้าแห้งนิดหน่อยนั้นดี เพราะไม่ต้องเผชิญกับสิวและความมันเยิ้ม

แต่ความจริงแล้วผิวหน้าแห้งก็เป็นผิวหน้าที่มีปัญหาและยังจะทำให้เกิดริ้วรอยและความแก่ของผิวหน้าตามมาได้ในภายหลัง ยิ่งใครที่มีผิวหน้าแห้งมากๆ ก็จะเกิดความหยาบกร้านขึ้นกับผิวหน้าอีกด้วย

เวลาที่แต่งหน้าก็จะเกิดเป็นขุย บางคนถึงกับผิวลอกในบางบริเวณ ไม่น่าดู แล้วผิวแห้งเกิดจากอะไรและมีวิธีแก้ไขให้ผิวสุขภาพดีขึ้นสวยเด้งขึ้นได้อย่างไรบ้าง? นั่นไม่ยากเลย เริ่มจากเรามารู้วิธีเคล็ดลับแก้ผิวแห้งเป็นสิวพร้อมทราบสาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าแห้งกันก่อน

สาเหตุที่ทำให้เกิดผิวหน้าแห้ง 

1. ผิวสูญเสียน้ำได้ง่าย

หน้าแห้งใช้อะไรดี

ผิวหน้าสูญเสียน้ำได้ง่ายก็เพราะผิวชั้นปกป้องเกิดความอ่อนแอ เพราะไขมันที่ควรมีในชั้นผิวลดลงทำให้สารให้ความชุ่มชื่นผิวสูญเสียไปกับน้ำหล่อเลี้ยงผิว ในผิวของเรามีประตูน้ำที่อยู่ภายในผิว เรียกว่า อควอพอรีน น้ำจึงไม่สามารถส่งผ่านจากเซลล์ผิวหนึ่งไปสู่อีกเซลล์ผิวหนึ่งได้อย่างราบรื่น เราจะเห็นว่ายิ่งอายุมากขึ้นก็มักจะประสบปัญหาผิวหน้าแห้งได้มากขึ้นด้วย 

2. การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

หน้าแห้งใช้อะไรดี

ช่วงที่อากาศร้อนจัดหรือมีลมแรงร่างกายจะสูญเสียน้ำจากผิวออกไปกับเหงื่อและจากลมที่สัมผัสผิว เมื่ออากาศเย็นในช่วงฤดูหนาวความชื้นในอากาศต่ำยิ่งทำให้ผิวหน้าแห้งเป็นขุย เมื่อนั้นเซลล์ผิวสูญเสียน้ำ ทำให้ผิวแห้ง หยาบกร้าน เกิดร่องริ้วรอยลึกขึ้น 

3. แสงแดด

หน้าแห้งใช้อะไรดี

แสงแดดเป็นศัตรูที่ร้ายกาจกับผิวหน้าโดยเฉพาะคนที่มีสภาพผิวหน้าแห้ง แสงแดดจะทำให้คุณยิ่งสูญเสียความชุ่มชื่นและยังทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้ง่าย 

4. การล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นและล้างหน้าบ่อย

หน้าแห้งใช้อะไรดี

หลายคนอาจคิดว่าเมื่อผิวแห้งก็แก้ด้วยการล้างหน้าบ่อยๆ ทำให้ผิวได้รับน้ำจะดูชุ่มชื่น แต่ในความจริงแล้วการล้างหน้าบ่อยๆ ไม่ได้ช่วยให้ผิวแห้งกลับชุ่มชื่นแต่อาจทำให้ผิวหน้าแห้งมากขึ้นไปอีก ยิ่งการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นจะเป็นการทำลายผิวและยังเป็นการเปิดรูขุมขนให้กว้าง ผิวหน้าไม่กระชับ หย่อนคล้อยง่ายด้วย 

5. การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์และเครื่องสำอาง

หน้าแห้งใช้อะไรดี

เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ที่คนผิวหน้าแห้งใช้ หากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมจะยิ่งเป็นการทำร้ายผิวให้สูญเสียน้ำและความชุ่มชื่นมากขึ้นไปอีก เช่น การใช้โฟมล้างหน้า การใช้เครื่องสำอางที่เป็นชนิดเนื้อแมตต์ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์มาก 

6. โรคจากพันธุกรรม

หน้าแห้งใช้อะไรดี

ผิวหน้าแห้งอาจจะเกิดจากพันธุกรรม คนบางคนมีลักษณะผิวหน้าแห้งมาตั้งแต่เริ่มต้น บางครอบครัวจะสังเกตได้ว่าเป็นครอบครัวที่มีผิวแห้ง หน้ามีริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ง่าย จึงต้องให้ความสำคัญกับการบำรุงผิวให้ไม่ขาดน้ำและมีความชุ่มชื่นอยู่เสมอ 

7. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

หน้าแห้งใช้อะไรดี

ผิวหน้าก็เช่นเดียวกับผิวกายคือมีการสูญเสียความชุ่มชื่นตามธรรมชาติจากการที่ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงไป เช่น ในตอนที่ตั้งครรภ์ หรือช่วงวัยหมดประจำเดือนของผู้หญิง 

8. อายุที่เพิ่มมากขึ้น

หน้าแห้งใช้อะไรดี

เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากมาก เมื่อคนเราอายุมากขึ้นความชุ่มชื่นตามธรรมชาติของผิวหน้าก็ลดลง ทำให้ผิวหน้าแห้งเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นและหยาบกร้าน แต่เราสามารถชะลอให้ผิวหน้าแห้งช้าลงได้ 

9. รับประทานอาหารไม่เหมาะสม

หน้าแห้งใช้อะไรดี

สารอาหารที่ขาดไปในการรับประทานอาหารเพียงบางชนิดกระทบต่อผิวหน้าได้ ทำให้ผิวหน้าแห้งมากและเป็นคนมีสภาพผิวหน้าแห้งจากพฤติกรรมและนิสัยในการกิน

10. ร่างกายขาดวิตามิน

หน้าแห้งใช้อะไรดี

นอกเหนือไปจากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หน้าแห้งได้ก็เกิดจากการที่ร่างกายขาดวิตามินจำพวก วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี เป็นต้น ทำให้ผิวหน้าแห้งลอกได้ง่าย


วิธีแก้ผิวหน้าแห้งมากและหยาบกร้าน 10 วิธี 

1. ดูแลผิวหน้าด้วยการดื่มน้ำสม่ำเสมอและเพียงพอ

หน้าแห้งใช้อะไรดี

วิธีง่ายๆ ที่มักถูกมองข้ามไปสำหรับการดูแลผิวหน้าแต่มักถูกมองข้ามไปก็คือการดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวันและดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอ การดื่มน้ำที่เพียงพอต่อผิวหน้าและผิวกายก็คือควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร และวิธีการดื่มน้ำก็คือค่อยๆ ดื่มในปริมาณไม่มากแต่ดื่มให้บ่อย เพราะการดื่มน้ำครั้งละมากๆ เร็วๆ ร่างกายก็ดูดซึมน้ำไม่ทันอยู่ดี น้ำที่ควรดื่มควรเป็นน้ำเปล่าบริสุทธิ์ 

2. เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่เหมาะสม

หน้าแห้งใช้อะไรดี

ผิวหน้าแห้งไม่เหมาะอย่างยิ่งกับการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีแอลกอฮอล์ผสมในปริมาณมาก ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไร้แอลกอฮอล์จะดีที่สุด ผิวหน้าแห้งไม่เหมาะกับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมแรงๆ และไม่ควรใช้โฟมล้างหน้า แนะนำให้ใช้เป็นครีมล้างหน้าหรือเจลล้างหน้าจะเหมาะและดีต่อผิวหน้าแห้งมากกว่า 

3. บำรุงผิวหน้าให้ชุ่มชื่นสม่ำเสมอ

หน้าแห้งใช้อะไรดี

ผิวหน้าแห้งจะต้องบำรุงด้วยการใช้ครีมบำรุงผิวหน้าที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์เข้มข้นจะดีที่สุด ในตอนเช้าควรใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุงหลังล้างหน้าทันทีเพื่อช่วยกักเก็บน้ำไว้ใต้ผิวหน้าและเพิ่มความชุ่มชื่นใต้ผิวหน้า และไม่ควรลืมที่จะใช้ครีมกันแดดด้วย ในช่วงเย็นหรือค่ำก็ควรทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ก่อนนอน

เพราะช่วงเวลากลางคืนผิวหน้าเสี่ยงต่อการสูญเสียน้ำ ยิ่งหากนอนในห้องแอร์ก็ยิ่งสูญเสียความชุ่มชื่นของผิวหน้ามาก สำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศที่ทำงานในห้องแอร์ตลอดวัน หรือคนที่ต้องเผชิญแดดตลอดวันผิวหน้าก็สูญเสียความชุ่มชื่นง่ายเช่นกัน อาจใช้วิธีทาครีมส่วนผสมมอยส์เจอร์ไรเซอร์ระหว่างวันด้วยก็จะเป็นการดี 

4. หลีกเลี่ยงการล้างหน้าบ่อย

หน้าแห้งใช้อะไรดี

การล้างหน้าบ่อยๆ จะทำให้ผิวหน้ายิ่งสูญเสียน้ำ สำหรับคนที่มีผิวหน้าแห้งต้องหลีกเลี่ยงการล้างหน้าบ่อยๆ ควรล้างหน้าเฉพาะตอนเช้าและเย็นอาจจะล้างในช่วงระหว่างวันได้บ้างในบางครั้ง 

5. เลือกใช้เครื่องสำอางแต่งหน้าที่เหมาะกับผิว

หน้าแห้งใช้อะไรดี

เครื่องสำอางแต่งหน้าก็มีส่วนทำให้ผิวหน้าแห้งมากขึ้นอีกได้และยังจะเน้นในจุดที่หน้าแห้งเป็นขุย หน้าเป็นริ้วรอยร่องลึกอันเกิดจากผิวหน้าแห้ง ความกร้านหมองไม่นุ่มชุ่มชื่น เครื่องสำอางที่เหมาะใช้ในการแต่งหน้าของสาวๆ ที่มีผิวหน้าแห้งก็คือ เครื่องสำอางที่เป็นครีมชุ่มชื่น เครื่องสำอางชนิดเจลและชนิดที่มีประกายมันวาวทำให้หน้าดูชุ่มชื่นและไม่ดูกร้านหมองหรือแห้ง 

6. ล้างหน้าด้วยน้ำเย็น

หน้าแห้งใช้อะไรดี

การล้างหน้าด้วยน้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิห้องจะทำให้ผิวหน้าสามารถกักเก็บความชุ่มชื่นได้ดีขึ้น น้ำเย็นยังไม่ทำลายเซลล์ผิวที่อ่อนแออยู่แล้วของคนผิวหน้าแห้งเสื่อมไปด้วย แต่น้ำเย็นกลับช่วยให้ผิวชุ่มชื่นและกระชับรูขุมขน ทำให้เซลล์ผิวเต่งตึงขึ้นได้ 

7. ไม่มาส์กหน้าบ่อยๆ

หน้าแห้งใช้อะไรดี

การมาส์กหน้าบ่อยๆ อาจจะเหมาะสำหรับคนที่มีผิวหน้ามันและคนที่มีผิวหน้าปกติ ไม่มีปัญหาผิวหน้ามากนัก แต่สำหรับคนที่มีผิวหน้าแห้งมาก ไม่ควรมาส์กหน้าบ่อยเพราะจะทำให้มาส์กดูดความชุ่มชื่นของผิวออกไป 

8. หลีกเลี่ยงการขัดผิวแรงๆ หรือบ่อย

หน้าแห้งใช้อะไรดี

ผิวหน้าของคนผิวแห้งเป็นผิวที่ไม่แข็งแรงและพร้อมที่จะเสียหายได้ง่าย เนื่องจากเซลล์ผิวอ่อนแอเปราะขาดได้ง่าย การขัดผิวหน้าบ่อยๆ จะยิ่งเป็นการทำร้ายผิวหน้าโดยไม่จำเป็น ดังนั้น คนที่มีผิวหน้าแห้งไม่ควรขัดผิวหน้าบ่อยๆ หรือขัดถูหน้าแรงเกินไป 

9. บำรุงผิวด้วยน้ำผึ้งและน้ำมันมะกอก

หน้าแห้งใช้อะไรดี

น้ำผึ้งดีต่อผิวหน้า ให้ใช้น้ำผึ้งมาส์กหน้าสักเดือนละ 1-2 ครั้งและใช้น้ำมันมะกอกนวดผิวหน้าให้ทั่วเบาๆ น้ำผึ้งจะผสานเซลล์ผิวและมีวิตามินที่ทำให้ผิวหน้าแข็งแรง น้ำมันมะกอกช่วยเคลือบผิวไม่ให้แห้งแตกเป็นขุยง่าย

10. รับประทานอาหารที่มีวิตามินสูง

หน้าแห้งใช้อะไรดี

การเลือกรับประทานอาหารที่บำรุงผิวหน้าแห้งเป็นวิธีแก้ปัญหาผิวหน้าแห้งมากที่ตรงจุดและยั่งยืนที่สุด โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินซีสูง วิตามินเอสูง แมกนีเซียมสูง และเบต้าแคโรทีนสูง

การดูแลผิวหน้าแห้งทั้ง 10 ประการอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ปัญหาผิวแห้งลดน้อยลง ผิวชุ่มชื่นและสวยขึ้นได้อย่างแน่นอน


อ้างอิง

https://www.rama.mahidol.ac.th/th/knowledge_awareness_health/26dec2019-1601

https://allwellhealthcare.com/dry-skin-dermatitis/

10 วิธี คุมหน้ามัน แดดร้อนแบบนี้ต้องอ่าน ถ้าคุณไม่อยากหน้าเยิ้ม!

10 วิธี คุมหน้ามัน แดดร้อนแบบนี้ต้องอ่าน ถ้าคุณไม่อยากหน้าเยิ้ม!

10 วิธี คุมหน้ามัน แดดร้อนแบบนี้ต้องอ่าน ถ้าคุณไม่อยากหน้าเยิ้ม! ไม่ว่าจะฤดูกาลไหน เอกลักษณ์ของอากาศบ้านเราก็ยังคงร้อนอยู่วันยังค่ำ แม้ว่าในฤดูอื่นๆ จะไม่ได้อุณหภูมิสูงสุดๆ เฉกเช่นหน้าร้อนก็ตามที แต่ก็ยังทำให้เราต้องหาเสื้อผ้าบางๆ มาสวมใส่กันอยู่เสมอ

นอกจากอาการไม่สบายตัวเพราะเหงื่อออกบ่อย หรือแสบผิวจากแสงแดดแล้ว ก็ยังมีปัญหาหน้ามันนี่แหละที่กวนใจอยู่ตลอดเวลา บรรดาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่หมั่นเคลมว่าใช้ดีใช้เด่น คุมมันกันเต็มพิกัดก็ไม่อาจให้ผลลัพธ์อย่างที่โฆษณาไว้ได้จริง จนต้องเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ไปเรื่อยๆ แบบไม่มีที่สิ้นสุด นั่นก็เพราะปัญหาหน้ามันไม่ได้แก้ด้วยผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเพียงอย่างเดียว ยังมีปัจจัยอื่นที่เราต้องทำร่วมด้วยเพื่อเป็นวิธีช่วยลดหน้ามัน ทำให้หน้าลดการผลิตน้ำมันลงนั่นเอง

ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจสาเหตุของความมันกันก่อนเลย ไม่ใช่แค่คนผิวมันเท่านั้นที่จะมีอาการหน้ามันได้ คนผิวแห้งและผิวผสมก็มีโอกาสเจอภาวะที่ว่านี้ได้เหมือนกัน เพราะผิวหน้าของเรามีต่อมไขมันจำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณทีโซน คือ ช่วงกลางหน้าผากไล่ลงมาตามแนวสันจมูก ตรงนี้มีเหงื่อออกง่ายกว่าส่วนอื่นและแน่นอนว่าเกิดความมันได้ง่ายกว่าด้วย

แต่ละคนจะมีอัตราการผลิตน้ำมันที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์ อารมณ์ ความเครียด อากาศ การสัมผัส ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ดังนั้น หากจะหลีกเลี่ยงความมันบนใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องเข้าใจผิวของตัวเองอย่างลึกซึ้ง แล้วค่อยเลือกวิธีการดูแลที่เหมาะกับสภาพผิว เพราะถ้าทำไปสุ่มสี่สุ่มห้าก็จะไม่เกิดประโยชน์อะไร ทั้งยังอาจเป็นการทำร้ายผิวทางอ้อมอีกด้วย และนี่คือ 10 วิธี คุมหน้ามัน ที่น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับรับมือในทุกช่วงอากาศร้อน

1. ดื่มน้ำให้มากเข้าไว้

คุมหน้ามัน

วิธี คุมหน้ามัน วิธีแรกง่ายๆ เลย ลองดื่มน้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิปกติ เพราะว่าน้ำเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดของการดูแลร่างกายและผิวพรรณ น้ำเป็นองค์ประกอบที่มีปริมาณมากที่สุด ระบบต่างๆ ในร่างกายต้องการน้ำเพื่อหล่อเลี้ยงให้สามารถทำงานได้ตามปกติ เราจึงต้องดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในทุกๆ วัน 

หากเจาะประเด็นในเรื่องของความมันบนใบหน้า ก็พบว่าเซลล์ผิวจะชุ่มชื้นเปล่งปลั่งได้ก็ต่อเมื่อมีน้ำในเซลล์ หากสูญเสียน้ำไป เซลล์ผิวจะเหี่ยวลงและเริ่มมีความแห้ง ระบบร่างกายก็ต้องการที่จะรักษาสมดุลความชุ่มชื้นที่เซลล์ผิวเอาไว้ จึงเร่งผลิตน้ำมันออกมาเคลือบชั้นผิว ทำให้เราหน้ามันมากกว่าปกติ นั่นหมายความว่า ถ้าเราหมั่นเติมน้ำให้เซลล์ผิวอยู่เสมอ ต่อมไขมันก็จะผลิตน้ำมันออกมาน้อยลงนั่นเอง ดังนั้น ในระหว่างวันให้คอยจิบน้ำสะอาดตลอดเวลา โดยดื่มทีละนิดและรวมให้ได้สักวันละ 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย

2. เลือกทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามิน

คุมหน้ามัน

การได้รับวิตามินที่จำเป็นอย่างเพียงพอ เป็นการลดปัญหาผิวมันจากภายใน เพราะจะช่วยลดกระบวนการผลิตน้ำมันของร่างกายลงได้ วิตามินเหล่านั้นได้แก่ วิตามินเอ และวิตามินบี 2 ซึ่งสามารถหาทานได้ง่ายในอาหารกลุ่มผัก ผลไม้ ถั่ว และธัญพืชทั่วไป พร้อมกับพยายามหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกของทอดและอาหารที่มีรสชาติเผ็ดร้อน เนื่องจากจะยิ่งกระตุ้นให้ร่างกายขับเหงื่อ ตามมาด้วยการขาดน้ำและทำให้ผิวมันตามลำดับ 

3. ใช้กระดาษซับมันเท่าที่จำเป็น

คุมหน้ามัน

หลายคนพกกระดาษซับมันติดกระเป๋าไว้ตลอดเวลา พอหน้าเริ่มมันก็หยิบขึ้นมาซับจนแห้ง ทำให้ร่างกายยิ่งต้องเร่งผลิตน้ำมันออกมาอีก เรียกว่ายิ่งซับก็ยิ่งหน้ามันมากขึ้น ไม่ได้ช่วยคุมมันอย่างที่เข้าใจ ยิ่งถ้าเป็นกระดาษประเภทที่ใส่น้ำหอมหรือแอลกอฮอล์มาด้วยแล้ว ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสที่จะทำให้ผิวระคายเคืองมากขึ้นไปอีก ดังนั้น ถ้ายังติดการใช้กระดาษซับมันอยู่ก็ให้ซับเฉพาะช่วงที่หน้ามันเยิ้มมากจริงๆ ก็พอ 

4. ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีค่า PH เหมาะสม

คุมหน้ามัน

ความจริงแล้วผิวหน้าของเรามีค่า pH อยู่ในช่วงของกรดอ่อน เพราะเป็นสภาวะที่แบคทีเรียชนิดดีเจริญเติบโตได้ แต่ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าส่วนมากทำออกมาให้มีค่า pH อยู่ในช่วงเบสอ่อน มุ่งเน้นการทำความสะอาดเป็นสำคัญ หลายครั้งหลังจากล้างหน้าเราจึงรู้สึกว่าผิวแห้งตึง ซึ่งเป็นตัวการกระตุ้นให้เกิดความมันบนใบหน้าในเวลาต่อมา เราจึงต้องมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีค่า pH เป็นกลางหรือค่อนมาทางกรดอ่อนเล็กน้อย เพื่อให้ผิวไม่ต้องปรับสมดุลค่า pH มากนัก ทั้งยังเป็นผลดีต่อชั้นผิวในระยะยาวอีกด้วย 

5. ใช้ครีมกันแดดแบบ OIL FREE

คุมหน้ามัน

ครีมกันแดดเป็นของที่ต้องใช้อย่าได้ขาด ไม่ว่าจะเป็นหน้าร้อน หน้าฝนหรือหน้าหนาว เพราะเป็นตัวปกป้องผิวจากความเสื่อมโทรมแทบทุกอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าหากต้องการคุมมันก็ต้องเลือกใช้ครีมของคนหน้ามัน แบบที่ไม่มีน้ำมัน อาจจะผสมรองพื้นด้วยหรือไม่ก็ได้

วิธีสังเกตง่ายๆ ก็คือ ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของน้ำมันน้อยหรือไม่มีเลย มักจะเป็นเนื้อเจลหรือแบบน้ำ มันอาจจะปกป้องผิวไม่ได้ยาวนานเท่ากับแบบครีมข้น ก็ให้ใช้วิธีทาเพิ่มระหว่างวันแทน หมายความว่าเราต้องเลือกเป็นแบบที่ทาทัพเมคอัพได้ด้วย 

6. ปรับเปลี่ยนเครื่องสำอางยกเซต

คุมหน้ามัน

จากที่เคยใช้เครื่องสำอางประเภทหน้าเงาฉ่ำวาวแบบสาวเกาหลี คงต้องเก็บเอาไว้ก่อน แล้วเปลี่ยนมาเป็นเซตที่ช่วยลดความมันแทน โดยเฉพาะในส่วนของรองพื้นและคอนซีลเลอร์ที่จะเป็นตัวหลักในการคุมมันบนใบหน้า

ซึ่งลุคที่น่าจะเหมาะมากสำหรับร้อนนี้ก็คงหนีไม่พ้นลุคแบบแมตต์ จะใช้รองพื้นที่เป็นชนิดแป้งผงหรือเนื้อครีมก็ย่อมได้ ขอแค่ทาแล้วติดผิวดี ไม่เยิ้ม ไม่มัน เป็นอันใช้ได้ ลองสังเกตดูคำว่า Oil Free ที่ตัวผลิตภัณฑ์แล้วทดสอบดูว่าเหมาะกับผิวของเราหรือไม่

7. ใช้โทนเนอร์เป็นประจำ

คุมหน้ามัน

โทนเนอร์คือผลิตภัณฑ์เช็ดผิวหลังจากขั้นตอนทำความสะอาดด้วยโฟมล้างหน้าหรือสบู่ต่างๆ เพื่อจัดการกับสิ่งสกปรกที่ยังตกค้างอยู่ และปรับสภาพผิวให้พร้อมสำหรับการบำรุงต่อไป ประเด็นคือโทนเนอร์ในท้องตลาดนั้นมีหลายประเภท ซึ่งก็สามารถเลือกใช้ได้ตามใจชอบ เพียงแต่ต้องงดเว้นโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เอาไว้

เนื่องจากแอลกอฮอล์นั้นจะทำให้ผิวแห้งแบบเฉียบพลัน จึงมีการเร่งผลิตน้ำมันออกมาอย่างรวดเร็ว ยิ่งถ้าเป็นผิวบอบบางด้วยแล้ว ก็ยิ่งเกิดการระคายเคืองมากขึ้นไปอีก แม้ว่าโทนเนอร์จะดูเหมือนไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรนัก เพราะเป็นเพียงน้ำสำหรับเช็ดหน้าธรรมดา อยู่บนผิวเพียงชั่วอึดใจเท่านั้นเอง แต่หากเลือกให้เหมาะกับผิวแล้วจะส่งเสริมการดูแลผิวอย่างดีมาก ช่วยในเรื่องการเติมน้ำให้ผิว ลดการเกิดสิว และกระชับรูขุมขนได้ด้วย

8. มาส์กหน้าลดความมัน

คุมหน้ามัน

อย่างที่เรารู้กันดีอยู่แล้วว่า การมาส์กหน้านั้นคือการบำรุงผิวขั้นสุดที่ให้ผลลัพธ์ดีกว่าการทาครีมบำรุงเพียงอย่างเดียวหลายเท่า ด้วยความเข้มข้นที่ถูกผลักผ่านชั้นผิวเข้าไปนั่นเอง แต่ส่วนมากพอนึกถึงการมาส์กหน้า เราก็จะนึกถึงการลดความหมองคล้ำ กำจัดรอยแดงจากสิว และลดจุดด่างดำจากฝ้า กระ เสียมากกว่า ไม่ค่อยมีใครให้ความสำคัญกับการมาร์คเพื่อคุมมันกันเท่าไรนัก

ซึ่งถือว่าพลาดหนักมากจริงๆ เพราะการมาส์กหน้าด้วยส่วนผสมของ AHA หรือ BHA เป็นการช่วยเพิ่มคอลลาเจนให้กับผิว และกำจัดของเสียที่สะสมตกค้างอยู่บนผิว เช่น เซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว เป็นต้น ทำให้ผิวหน้าสะอาดเรียบเนียนและลดอัตราการผลิตน้ำมันโดยธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีมาร์คในกลุ่มโคลนที่ดูดซับความมันอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย 

9. ออกกำลังกายขับเหงื่อเป็นประจำ

คุมหน้ามัน

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการออกกำลังกายนั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายในแทบจะทุกด้านจริงๆ อย่างการคุมมันบนใบหน้านี้ก็มีส่วนช่วยได้ไม่น้อยเลย หากเราออกกำลังกายช่วยขับเหงื่อเป็นประจำอย่างเช่น แอโรบิก วิ่ง ปั่นจักรยาน ฟุตบอล เทนนิส เป็นต้น

จะทำให้ร่างกายได้ขับของเสียออกมา ทำให้เลือดสูบฉีดไปทั่วร่างกายอย่างสะดวก พร้อมกับปรับสมดุลฮอร์โมนและต่อมต่างๆ ในร่างกาย จึงไม่มีการผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมา เรียกว่าได้ทั้งสุขภาพดีและผิวพรรณสวยใสไปพร้อมกัน 

10. พึ่งพานวัตกรรมทางการแพทย์

คุมหน้ามัน

หากลองทำดูทุกอย่างแล้ว แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าความมันจะบอกลาไป ก็คงต้องงัดไม้ตายออกมาใช้ นั่นคือพึ่งพานวัตกรรมทางการแพทย์เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนต่อมเหงื่อและต่อมไขมันแทน เดี๋ยวนี้มีสถานเสริมความงามจำนวนไม่น้อยที่ให้บริการกำจัดปัญหาเกี่ยวกับอาการเหงื่อออกมากเกินไป จนเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตประจำวัน

โดยจะเป็นการรักษาด้วยเลเซอร์แบบต่างๆ ทำหน้าที่เข้าไปลดการทำงานของต่อมเหงื่อกับต่อมไขมันใต้ผิวหนัง บางครั้งก็กำจัดต่อมเหล่านั้นทิ้งไปเลย ส่งผลให้ไม่มีเหงื่อและความมันในระยะยาว แต่ทั้งนี้ก็ต้องทำการรักษาอยู่หลายครั้ง ราวๆ 3-5 ครั้งโดยเฉลี่ย


10 วิธีแก้ จมูกมัน ง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำเองได้ ต้องลอง!

คุมหน้ามัน

10 วิธีแก้ จมูกมัน ง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำเองได้ ต้องลอง! จมูกอวัยวะเล็กๆ ที่มีเนื้อที่ไม่มากบนใบหน้าแต่มีความสำคัญมากๆ เพราะจมูกอยู่ตรงกึ่งกลางของใบหน้าคนเราพอดี จมูกจึงเป็นจุดเด่นที่ผู้คนมองเห็นก่อนสิ่งอื่นๆ เมื่อมองมาที่หน้าของเรา จมูกสวยก็ทำให้ใบหน้าดูสวย ดูหล่อไปทันที ในขณะเดียวกันแม้ว่าคุณอาจจะเป็นเจ้าของจมูกที่สวยได้รูปแต่กลับมีความมันระดับสูง จมูกมันต่อให้มีรูปจมูกสวยแค่ไหน จมูกโด่งแค่ไหนก็อาจจะทำให้เสียบุคลิกได้ 

คุณอาจจะมีผิวหน้าที่สวย หล่อ ดูดีเนื้อผิวละเอียด หรือสาวๆ ที่แต่งหน้ามาเป๊ะ ปัง ฉ่ำเด้ง พอจมูกมันเท่านั้นก็คะแนนติดลบและดูดรอปลงมาได้ทันที นอกจากนั้นจมูกมันอาจจะก่อให้เกิดปัญหาตามมานั่นก็คือสิวที่เกิดขึ้นบริเวณจมูก โดยเฉพาะถ้าสิวที่ขึ้นมาเป็นสิวอักเสบคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ปัญหาจมูกมันจึงเป็นปัญหาที่ไม่ใช่เรื่องเล็กเลยจริง ๆ

สาเหตุที่ทำให้ จมูกมัน ส่วนใหญ่แล้วมาจากการที่เราเป็นคนมีผิวหน้าอยู่ในสองประเภทนี้ก็คือ เป็นคนมีผิวหน้าแห้งทำให้ผิวเลยมีการขับน้ำมันออกมาหรืออาจจะเป็นคนมีผิวผสมที่มีความมันมากเฉพาะบริเวณทีโซน หากคุณเป็นคนที่มีหน้าแห้งก็ควรเลือกใช้ครีมบำรุงผิวหน้าแห้งเพื่อลดการขับน้ำมันออกมาด้วย

สำหรับบางคนอาจเกิดปัญหาผิวหน้าที่ยุ่งยากซับซ้อนขึ้นไปอีกเมื่อผิวหน้าบริเวณทีโซนหรือบริเวณจมูกมันมาก แต่บริเวณโหนกแก้ม ข้างแก้ม หน้าผากและคางกลับแตกแห้งเป็นขุย จมูกมันจึงเป็นปัญหาผิวที่ต้องรีบอก้ไขไม่ควรปล่อยเอาไว้อย่างเด็ดขาด วิธีแก้ จมูกมัน ไม่ยากเลยคุณเองก็สามารถทำเองได้ตามวิธีที่นำมาฝากทั้ง 10 วิธีดังนี้! 

1. ล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์แบบอ่อนโยน

คุมหน้ามัน

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้จมูกมันเกิดจากการใช้คลีนเซอร์ล้างหน้าแบบที่มีสูตรเข้มข้นรุนแรง คลีนเซอร์ประเภทดังกล่าวจะทำให้ผิวสูญเสียน้ำมันหล่อเลี้ยงทั้งใบหน้าและบริเวณผิวจมูก ร่างกายจึงขับน้ำมันออกมาทดแทนที่สูญเสียไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงบริเวณจมูก จึงทำให้จมูกมันมากอยู่ตลอดเวลา 

2. สครับผิวจมูก

คุมหน้ามัน

การสครับผิวก็ช่วยได้ เพราะการสครับจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและสิ่งสกปรกต่างๆ ที่อุดตันอยู่ตรงบริเวณผิวจมูก ช่วยให้จมูกลดความมันลง แต่การสครับก็ไม่ควรทำจนบ่อยเกินไป อาจจะสครับบริเวณจมูกสักสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก็เพียงพอ 

3. ทาซันบล็อกที่จมูก

คุมหน้ามัน

ซันบล็อกที่เราทาเพื่อกันแดด สำหรับบางคนอาจจะคิดว่าจมูกมันอยู่แล้วถ้าทาซันบล็อกไปก็กลัวว่าจะยิ่งทำให้จมูกเกิดความมัน แต่ในความจริงแล้วเป็นการเข้าใจผิด เนื่องจากแสงแดดที่กระทบโดนผิวจมูกก็เป็นสาเหตุหลักอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้จมูกมันและมีน้ำมันมาหล่อเลี้ยงตรงบริเวณผิวจมูกมากเกินไป

เนื่องจากเมื่อแดดกระทบแผดเผาบริเวณจมูก ผิวก็สูญเสียน้ำมันเคลือบผิวจึงผลิตน้ำมันเคลือบผิวบริเวณจมูกขึ้นมา การทาซันบล็อกช่วงบริเวณจมูกช่วยป้องกันผิวจากแสงแดดและรังสีได้อย่างดีในระหว่างวัน 

4. มาส์กหน้าและจมูก

คุมหน้ามัน

การมาส์กหน้าและเน้นการมาส์กบริเวณจมูกด้วยจะดีที่สุด การมาส์กบริเวณจมูกช่วยสมานผิวบริเวณจมูกให้เกิดความสมดุลชุ่มชื่นขึ้นและยังช่วยลดขนาดรูขุมขนบริเวณจมูกให้เล็กกระชับลงได้ เมื่อรูขุมขนบริเวณจมูกเล็กลงน้ำมันก็จะออกมาได้น้อยลงและลดความมันบริเวณจมูกได้มากเช่นกัน 

5. ใช้กระดาษซับมัน

คุมหน้ามัน

กระดาษซับมันเป็นสิ่งที่คนมีจมูกมันจะต้องพกพาไว้เสมอ เมื่อจมูกมันระหว่างวันก้ให้ใช้กระดาษซับมันวางลงที่บริเวณผิวจมูกส่วนที่มัน แต่อย่าถูลงไปเพราะจะยิ่งทำให้น้ำมันออกมามากขึ้นและผิวจมูกอาจเกิดการระคายเคืองและเกิดสิวอักเสบตามมาได้ กระดาษซับมันผิวหน้านั้นก็มีหลายเกรด ให้เลือกชนิดที่เป็นเกรดที่ดี เพราะจะช่วยซับมันได้ดีและไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ที่ผิวด้วย 

6. ใช้มะนาวและน้ำตาลขัดจมูก

คุมหน้ามัน

นำน้ำมะนาวและน้ำตาลทรายมาผสมกันในอัตราส่วนที่ไม่เหนียวหนืดไม่และเหลวจนเกินไปถูวนบริเวณจมูกเน้นตรงส่วนผิวปลายจมูกจะช่วยให้ผิวบริเวณนี้สะอาดขึ้นและลดความมันระหว่างวันได้ สามารถทำได้ทุกวันถ้าสะดวก 

7. สูตรอัลมอนด์บด

คุมหน้ามัน

อีกสูตรการลดความมันของจมูกและช่วยทำให้ผิวบริเวณจมูกมีสุขภาพดีและสมดุลขึ้นก็คือ ให้ใช้เมล็ดอัลมอนด์นำมาบดละเอียด นำน้ำผึ้งมาผสมเล็กน้อย จากนั้นให้ทาไว้ตรงบริเวณจมูก ทิ้งไว้สักประมาณ 15-20 นาที จากนั้นก็ล้างออก จะลดความมันลงได้หากทำเป็นประจำ 

8. น้ำส้มสายชูช่วยได้

คุมหน้ามัน

นำน้ำส้มสายชูมาผสมเข้ากับน้ำเปล่าโดยให้มีสัดส่วนที่เท่าๆ กัน แล้วคนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน นำสำลีแผ่นมาชุบแล้วแปะไว้บริเวณจมูกส่วนที่มัน ทิ้งไว้สักประมาณ 15 นาทีจึงค่อยเอาออก คุณสมบัติของความเปรี้ยวและกรดจากน้ำส้มสายชูช่วยลดความมันของจมูกและช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันออกไปได้อย่างดี 

9. หลีกเลี่ยงการทาครีมและแต่งหน้าบางๆ บริเวณจมูก

คุมหน้ามัน

การทาครีมบำรุงผิวต่างๆ และการแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางสารพัดชนิดเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้จมูกมันได้ง่าย เคล็ดลับก็คือให้หลีกเลี่ยงการทาครีมบำรุงผิวหน้าบริเวณจมูกหรือทาแต่น้อย การแต่งหน้าให้เลือกแต่งบริเวณจมูกแต่เพียงบางๆ จะช่วยลดจมูกมันระหว่างวันไปได้มาก 

10. ดูแลการรับประทานอาหาร

คุมหน้ามัน

การรับประทานอาหารก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับผู้ที่มีผิวจมูกมัน อาหารที่มีสรสจัดและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลต่อผิวให้มันขึ้น รวมไปถึงผิวบริเวณจมูกด้วย หากลดการรับประทานอาหารรสจัดและลดการดื่มแอลกอฮอล์ลงก็จะมีส่วนช่วยลดความมันบริเวณจมูกได้เช่นกัน

ทั้งหมดนี้คือวิธีแก้ หน้ามัน และ จมูกมัน ที่เป็นปัญหากวนใจสำหรับหลายๆ คนและเป็นปัญหาเส้นผมบังภูเขาที่เราสามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเราเอง ที่สำคัญอย่าลืมรักษาความสะอาดของผิวหน้า และบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอจะช่วยทำให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้นได้


อ้างอิง

https://www.acseine.in.th/campaign/blog/6/ปัญหาผิวมันเกิดจากอะไร%3F

https://www.pobpad.com/หน้ามัน-กับการแก้ปัญหาใ

10 เจลล้างหน้าลดสิว ที่ช่วยให้ใบหน้าดูกระจ่างใสได้ภายใน 7 วัน

10 เจลล้างหน้าลดสิว ที่ช่วยให้ใบหน้าดูกระจ่างใสได้ภายใน 7 วัน

10 เจลล้างหน้าลดสิว ที่ช่วยให้ใบหน้าดูกระจ่างใสได้ภายใน 7 วัน ปัญหาโลกแตกอย่างหนึ่งของสาวๆ ก็คือ การที่โบ๊ะหน้าโชว์ชาวบ้านแบบสวยมาก แต่พอกลับมาบ้าน กลับล้างหน้าไม่เกลี้ยง นั่นก็คือสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวอุดตัน และมีปัญหาทางผิวหน้าตามมาได้ 

ทำให้วันนี้เรามี 10 เจลล้างหน้าลดสิว มาฝากกัน ที่อ่อนโยนและจะมาช่วยให้การล้างหน้าของเราสะอาดขึ้น เกลี้ยงเกลา และยังช่วยบำรุงความขาวกระจ่างใสในแต่ละวันได้อีกด้วย ไปดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง 

1. VICHY NORMADERM PURIFYING CLEANSING GEL

เจลล้างหน้าลดสิว

สำหรับใครที่มีผิวที่บอบบาง แพ้ผิวง่ายแล้วละก็บอกเลยว่าเจลตัวนี้เหมาะกับคุณแน่นอน เพราะนี่คือเวชสำอางที่สะอาด มีความอ่อนโยน และยังไม่มีแอลกอฮอล์ผสมอีกด้วย จึงทำให้สาวๆ ที่มีผิวบางชื่นชอบตัวนี้มากๆ ราคาอยู่ที่ 700 บาทเท่านั้น

2. CLINIQUE LIQUID FACIAL SOAP MILD

เจลล้างหน้าลดสิว

สำหรับตัวนี้ คือเจลล้างหน้าที่ขายดีมากๆ จากแบรนด์นี้ เพราะเจลตัวนี้สามารถชำระล้างความสกปรกออกจากผิวไปได้หมดจด จึงช่วยทำให้ผิวนุ่มเนียน น่าสัมผัส และยังมีหลากหลายสูตรให้เลือกอีกด้วย และยังสามารถเลือกใช้ตามสภาพผิวได้อีกด้วย คุ้มสุดๆ กับราคา 1,000 บาท แพงแต่คุ้มมากๆ

3. LA ROCHE POSAY EFFACLAR PURIFYING FOAMING GEL

เจลล้างหน้าลดสิว

นี่เป็นเจลล้างหน้าที่เหมาะสำหรับคนที่เกลียดเอฟเฟกต์หลังจากการล้างหน้า คือเจลบางตัวเมื่อล้างหน้าเสร็จใบหน้าจะตึงๆ แปลกๆ ซึ่งตัวนี้ก็สามารถตอบโจทย์ได้ดี เพราะมีค่าความเป็นกรดแค่ 5.5 และยังไม่มีแอกอฮอล์ผสมอีกด้วย ดังนั้นเจลตัวนี้จึงเหมาะกับคนที่ผิวแพ้ง่ายมากๆ ราคาอยู่ที่ 700 บาทเท่านั้น

4. SMOOTH E BABYFACE GEL

เจลล้างหน้าลดสิว

มากับเจลล้างหน้าตัวนี้ที่ให้ความอ่อนนุ่ม อ่อนโยนแบบสุดๆ ซึ่งก็เหมาะกับความที่ผิวบาง ผิวแพ้ง่าย หรือคนที่เป็นสิวเยอะๆ ก็ใช้ได้เช่นกัน โดยเจลตัวนี้เป็นเจลที่ไม่มีฟอง ทำให้ใบหน้าเมื่อแห้งแล้วไม่ตึง ทั้งยังทำให้ใบหน้าสะอาด รักษาสิวได้ด้วย ราคาอยู่ที่ 350 บาท

5. NEUTROGENA DEEP CLEAN HYDRATING BAMBOO GEL CLEANSER

เจลล้างหน้าลดสิว

ใครที่ผิวแห้งยกมือ! บอกเลยว่าเจลตัวนี้เหมาะมากๆ กับสาวๆ ที่มีผิวแห้งมากๆ โดยเจลตัวนี้จะมีสารสกัดที่ใช้ความชุ่มชื้นได้ดี และเนื้อเจลยังไม่เกิดอาการระคายเคืองให้กับผิวได้แน่นอน เหมาะกับคนที่ไม่ชอบเจลที่ล้างแล้ว ผิวหน้าลื่น เหมือนล้างไม่สะอาด จัดตัวนี้รับรองไม่ผิวหวัง โดยราคาอยู่ที่ 180 บาท

6. GARNIER PURE ACTIVE FRUIT ENERGY GEL

เจลล้างหน้าลดสิว

สำหรับใครที่ชอบผิวที่ดูกระจ่างใสขึ้น ดูมีมิติขึ้น เจลล้างหน้าตัวนี้ถือว่าทำได้ดีทีเดียว และนอกจากนี้ยังสามารถรักษาสิวเสี้ยนได้อีกด้วย โดยส่วนผสมของครีมตัวนี้จะมีวิตามินซี ที่ช่วยให้ผิวสุขภาพดี และสารสกัดจากผลไม้ต่างๆ ที่ล้างแล้ว ช่วยให้ใบหน้าดูขาวกระจ่างใส แน่นอน ราคาเพียง 140 บาท

7. CUTE PRESS MANUKA HONEY CLEANSING GEL

เจลล้างหน้าลดสิว

นี่เป็นนวัตกรรมการนำน้ำผึ้งมาบำรุงผิวหน้า ซึ่งก็สามารถล้างความสกปรกที่ใบหน้าได้ดีทีเดียว ดีกว่าน้ำผึ้งธรรมดาซะอีก เพราะมีสารสกัดจากน้ำผึ้งธรรมชาติ และผลมะนาว ซึ่งก็มีคุณสมบัติในการช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิว และยังสามารถสร้างความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ด้วย ราคาแค่ 100 บาทเท่านั้น

8. Oxe Cure Facial Liquid Cleanser

เจลล้างหน้าลดสิว

เจลล้างหน้าสูตรน้ำ สูตรอ่อนโยน ฟองน้อยไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองผิว สามารถทำความสะอาดผิวได้อย่างหมดจด ลดสิวและลดการอุดตันของรูขุมขน พร้อมช่วยควบคุมความมันส่วนเกินบนใบหน้า มีสารสกัดจากโพรโพลิสเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย และมีปัญหาสิว ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว ไม่มีส่วนผสมของ แอลกอฮอล์ น้ำมัน และพาราเบน มั่นใจได้ว่าผ่านการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ราคา 200 บาท

9. Bioderma Sensibio Gel Moussant

เจลล้างหน้าลดสิว

แบรนด์นี้นอกจากเด่นเรื่องคลีนซิ่งแล้ว เจลล้างหน้าก็ทำออกมาดีไม่แพ้กัน โดยตัวนี้จะช่วยทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน ไม่มีสารกันเสีย แอลกอฮอล์ น้ำหอม และพาราเบน ทำให้ไม่อุดตันรูขุมขน โดยมีค่า pH balance ที่ไม่ทำให้หน้าเสียสมดุล พร้อมล็อกความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวหน้าไม่แห้งตึงหลังล้างหน้า ราคา 700 บาท

10. Eucerin Pro Acne Solution Cleansing Gel

เจลล้างหน้าลดสิว

เจลล้างหน้าที่ช่วยปัญหาสิว ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยนต่อผิว ช่วยขจัดคราบสกปรก คราบเครื่องสำอาง สลายความมันอุดตันอย่างล้ำลึกถึงต้นตอสิว และช่วยลดความมันส่วนเกิน พร้อมปรับสมดุลผิวให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น ไม่แห้งตึง และช่วยลดโอกาสการเกิดสิว รอยสิว ให้เผยผิวเนียนใสอย่างเป็นธรรมชาติได้ ราคาประมาณ 700 บาทเท่านั้น

นี่ก็เป็น 10 เจลล้างหน้าลดสิว ที่นำมาแนะนำกันและรับประกันว่าใช้ดีจริง! ใครที่มีปัญหาสิวหรือหาเจลล้างหน้าที่ช่วยทำความสะอาดผิวอยู่ก็ไปลองเลือกใช้กันดูได้ แต่อย่าลืมเลือกให้ตรงกับสภาพผิวและปัญหาผิวของตัวเองด้วยนะ ที่สำคัญอย่าลืมล้างและทำความสะอาดผิวหน้าผิวกายทุกวัน จะได้ไม่เสี่ยงในการทำให้เกิดการอุดตันสิว และปัญหาผิวอื่นๆ ที่อาจจะตามได้


วิธีรักษาสิวอักเสบ ด้วยสมุนไพรแบบง่ายๆ แต่เป๊ะเวอร์!

เจลล้างหน้าลดสิว

วิธีรักษาสิวอักเสบ ด้วยสมุนไพรแบบง่ายๆ แต่เป๊ะเวอร์! เรื่องสิวเป็นเรื่องปวดหัวของทุกคน ใครอยากสวย หน้าใส ก็ต้องหาวิธีหยุดสิวเอาไว้ไม่ให้เกิดขึ้นมาใหม่ วันนี้เราจะมาเรียนรู้วิธีรักษาสิวและจุดด่างดํากำจัดลึกถึงปัญหาต่างๆ อย่างตรงจุด ทั้งสาเหตุ วิธีแก้ไข และหนทางป้องกัน ด้วยการใช้สมุนไพรแบบง่ายๆ กัน

การเกิดสิวอักเสบ แบ่งออกเป็น 2 สาเหตุ

การเกิดของสิวอักเสบนั้น ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ก็เกิดขึ้นมาได้เลย มันต้องเกิดมาจากสิวธรรมดาทั่วไปที่เกิดการติดเชื้อมันจึงกลายเป็นสิวอักเสบ จากนั้นจะเริ่มบวม แดง และมีหนอง โดยส่วนใหญ่มักมาจาก 2 สาเหตุ ได้แก่

1. เกิดจากการแกะ เกา

ของมือเรานี่แหละตัวดีที่สุด เวลามีสิว ไม่ว่าจะสิวอะไรก็ตามเราจะชอบไปแกะเกาเสมอ จนทำให้อักเสบ และติดเชื้อแบคทีเรีย Staphylococci

2. เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย

มีเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Propionibacterium acnes มันจะกินไขมันบนหน้าเราเป็นอาหาร และตรงไหนที่มีการอุดตันของไขมัน มันจะยิ่งเจริญเติบโตได้ดีมาก ทำให้สิวบริเวณนั้นเกิดการอักเสบ และระคายเคือง


รู้หรือไม่? สิวอักเสบมีด้วยกัน 5 ประเภท

เจลล้างหน้าลดสิว

1. สิวเสี้ยน (TRICHOSTASIS SPINULOSA)

ในรูขุมขนของเรา บริเวณใบหน้า หลัง หรือจมูกจะมีขนอ่อนที่เกิดขึ้นแล้วเข้าไปอุดตันได้ เพียงแค่เส้นเดียวก็สามารถทำให้เกิดสิวอักเสบได้แล้ว หากคุณมีสิวเสี้ยนเยอะ คุณอาจสนใจบทความนี้ การกำจัดสิวเสี้ยนให้ได้ผล

2. สิวชนิดตุ่มนูนแดง (PAPULE)

การอักเสบชนิดนี้จะเป็นเพียงแค่ส่วนบนของผิวหนัง ทำให้มีรอยนูนแดง

3. สิวชนิดหัวหนอง (PUSTULE)

จะอยู่ในชั้นผิวหนังทั้งชั้นตื้นและชั้นลึก ระยะเวลาในการรักษาอยู่ที่ความลึกของสิวหนอง

4. สิวอักเสบและเป็นก้อนลึก (NODULE)

ถือว่าเป็นสิวอักเสบที่มีอาการหนักพอสมควร เพราะว่าสามารถรักษาให้หายได้ช้ากว่าปกติ และจะท้องรอยแผลเป็นไว้อีกด้วย มีลักษณะเป็นก้อน บวม

5. สิวชนิดเป็นถุงขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง (CYST)

หรืออีกชื่อที่เราเรียกกันว่า “สิวหัวช้าง” มีลักษณะใหญ่ บวม แดง และปวด


การรักษาสิวอักเสบ 3 ระยะ

เจลล้างหน้าลดสิว

1. สิวเป็นไต

ลักษณะของสิวไต คือ เป็นตุ่มแดง และแข็ง เมื่อสัมผัส หรือกด จะรู้สึกเจ็บ แต่ว่าไม่มีหัวหนอง ถือว่าน่ารำคาญมาก เพราะว่าเวลาเผลอเอามือไปโดนจะเจ็บทุกที และก็หายช้าด้วย แถมยังเป็นรอยนูนแดงๆ ควรใช้พวกยาทาแก้อาการอักเสบ สิวจะค่อยๆ ยุบไปเอง อาจจะช้าหน่อย แต่ถ้ารักษาได้ถูกวิธีจะไม่มีหัวหนอง และไม่เป็นแผลเป็น

2. มีหัวหนอง และหัวสิวยังไม่สุก

สิวประเภทนี้จะมันน่าแกะจริงๆ ทางที่ดีเราควรกระตุ้นให้สิวมันสุกไวๆ เพราะจะได้รีบเอาหนองออกมาให้หมด แล้วจะได้รักษาได้เร็วทำให้โอกาสที่จะเกิดแผลเป็นน้อยลง เวลาสิวสุกเราไม่จำเป็นต้องแกะ แต่ว่าเราสามารถออกกำลังกายเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายขับความร้อนได้

แล้วสิวจะหลุดออกมาเอง จากนั้นใช้ครีมแต้มสิว พอเริ่มตกสะเก็ดก็ตามด้วยยาที่ใช้รักษารอยแผลเป็น แต่หากว่าออยากจะกดสิวออกเอง เพราะไม่อยากไปออกกำลังกายให้มันยุ่งยาก ต้องกดตอนที่สิวสุกเต็มที่เท่านั้น ไม่งั้นมันเกิดสิวหัวหนองอีกครั้งตรงที่เดิม

3 สิวสุก

สิวระยะสุดท้าย เราจะต้องเอาหัวหนองออกมาให้หมด จากนั้นก็ทายาป้องกันการติดเชื้อ และการเกิดรอยแผลเป็น


วิธีป้องกันสิวอักเสบ

1. เลิกสัมผัสใบหน้าด้วยมือ

มือของเรานั้นสกปรกมาก เพราะว่าในแต่ละวันเราต้องจับอะไรต่ออะไรไปมากมาย เพราะฉะนั้นหลีกเลี่ยงการเอามือสัมผัสใบหน้า หยุดการแกะ เกา เพราะว่าเชื้อแบคทีเรียจะเข้าไปสู่ผิว และทำให้เกิดจนกลายเป็นสิวอักเสบในที่สุด

2. หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่แพ้หรือมีน้ำมัน

อย่างผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Olive oil และ Lanolin หรือน้ำมัน เพราะสารเหล่านี้จะยิ่งทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน โดยเฉพาะคนที่ผิวหน้าผิวหน้ามัน สิ่งเหล่านี้ควรหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด

3. ล้างหน้าให้สะอาด

ความสะอาดคือหัวใจหลักของการป้องกันสิวที่ดีที่สุด ล้างหน้าทำความสะอาดสิ่งที่อุดตันในรูขุมขนหรือขจัดสิ่งสกปรก การล้างหน้าจะช่วยขับของเสียและน้ำมัน ไม่ให้อุดตันจนกลายเป็นสิว แต่การเลือกแบรนด์คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสําอางควรใช้ตามสภาพผิวของตัวเองอย่างเหมาะสม และที่แนะนำเบื้องต้นคือการไม่ใช้สบู่ทั่วไปล้างหน้า เพราะว่าสบู่มีฤทธิ์เป็นด่าง

4. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์

ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด สำหรับทุกผิวหน้าคือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Water – based หรือ Oil – free เป็นหลัก เพราะไม่เกิดอาการแพ้ ให้ความชุ่มชื้น สร้างความยืดหยุ่น และไม่ทำให้เกิดสิว

5. การมาส์กหน้าด้วยสมุนไพร

จริงๆ แล้วสมุนไพรไทยช่วยรักษาสิว และดูแลผิวหน้าได้เยอะมาก เราแทบจะไม่จำเป็นต้องหาผลิตภัณฑ์จากต่างประเภท หรือหาผลิตภัณฑ์ราคาแพงจากที่อื่นเลย เราสามารถนำสูตรการดูแลผิวด้วยสมุนไพรที่มีมากมายมาใช้ในการมาส์กได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่เป็นสูตรรักษาสิว 8 ตัวเด็ด ที่อยากแนะนำ

1. เปลือกมังคุด

เจลล้างหน้าลดสิว

เราจะใช้น้ำที่คั้นจากเปลือกมังคุด หรือว่าจะนำเปลือกมังคุดมาบดแล้วใส่น้ำอุ่นลงไปก็ได้ นำมาผสมกับดินสอพองให้มีความหนืดนิดๆ จากนั้นทาหน้าให้ทั่ว หรือทาเฉพาะบริเวณสิวอักเสบ หรือจะเอาน้ำสดๆ ทาเลยก็ได้เช่นกัน สามารถทำได้ทุกวัน รับรองเห็นผลไว้ เพราะว่าในเปลือกมังคุดจะมีสาร GM – 1 ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และสาร Xanthone ช่วยลดการอักเสบ และ Tannin ช่วยสมานแผล

2. มะนาวและมะเขือเทศ

เจลล้างหน้าลดสิว

น้ำมะนาว 1 ช้อนชา + เนื้อมะเขือเทศสับ หรือปั่นละเอียด 1 ลูก ลูกขนาดกลางๆ ผสมกันแล้วทาหน้าทิ้งไว้ 10 – 15 นาที จากนั้นก็ล้างออก หรือว่าจะใช้มะเขือเทศอย่างเดียวหั่นแล้วเอามามาส์กหน้าก็ได้เช่นกัน คุณประโยชน์ในมะเขือเทศมีสาร Licopersioin ที่ช่วยจัดการเชื้อแบคทีเรีย และมีกรดอ่อนๆ และน้ำมะนาวที่มี Alpha Hydroxy Acids ช่วยลดการอักเสบ และทำให้หัวหนองเปิด สิวอักเสบหลุดออกมาได้ง่าย ช่วยสมานแผลได้เร็วขึ้นด้วย

3. ว่านหางจระเข้

เจลล้างหน้าลดสิว

สมุนไพรไทยที่ใช้ง่ายจนต้องบอกต่อ ใช้ว่านหางจระเข้ที่มีอายุ 1 ปีขึ้นไป แช่น้ำทิ้งไว้ 10 – 15 นาที เพื่อเอายางออก จากนั้นก็ปอกเปลือกเพราะว่าเราจะใช้แค่วุ้นใสๆ แล้วนำมาล้างน้ำอีกรอบ นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วทาบนใบหน้า หรือเฉพาะตรงจุดที่สิวอักเสบได้ ในว่านหางจระเข้มีสาร Carboxypeptidase ช่วยลดอาการอักเสบ และ Aloctin A ที่ช่วยสร้างเซลล์ใหม่

4. มะละกอ

เจลล้างหน้าลดสิว

มะละกอสุกนอกจากจะทานได้และดีต่อร่างกาย ดีต่อผิวแล้ว ยังสามารถนำมาบดผสมกับข้าวโอ๊ตหรือน้ำผึ้งก็ได้เช่นกัน ทาทิ้งเอาไว้บนใบหน้า 10–15 นาที แล้วล้างออก ทำได้สัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง จะดีต่อผิวมาก เพราะในมะละกอสุกจะมีสาร ชื่อ Papain และ Chymopapain ช่วยลดอาการอักเสบ และทำให้สิวยุบเร็ว

5. กระเทียม

เจลล้างหน้าลดสิว

ใช้กระเทียมกลีบใหญ่ 2–3 กลีบ บด หรือคั้นเอาแต่น้ำ ใช้น้ำกระเทียมมาทาบริเวณเฉพาะจุดเท่านั้น อย่าทาทั่วใบหน้า น้ำกระเทียมจะช่วยลดอาการอักเสบได้เร็ว แต่ว่าทาทิ้งไว้แค่ 10–15 นาทีพอจากนั้นล้างออกให้สะอาด หากทิ้งไว้นานาเกิดอาจทำให้ผิวไหม้ได้

หรือเราจะนำน้ำกระเทียมผสมกับน้ำสายชู ในสัดส่วนที่เท่ากันแล้วทาบริเวณสิวอักเสบทิ้งไว้ 5 นาที แล้วล้างออกก็ได้เช่นกัน ในกระเทียมจะมีสาร Alliin ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และลดอาการอักเสบ 

6. ขมิ้นชัน + ปูนแดง

เจลล้างหน้าลดสิว

ใช้ผงขมิ้นชัน 1 ช้อนชา + ปูนแดงปริมาณ 1/2 ช้อนชา + น้ำมะนาว 1 ช้อน ผสมให้เข้ากันทาบริเวณสิวอักเสบ ทุกเช้า – เย็น ทำได้สัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง ในขมิ้นจะมีสาร Curcuminoids ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ปูนแดงช่วยการสมานแผล และมะนาวสรรพคุณเยอะมาก ทั้งช่วยลอกเซลล์ผิวและลดอาการอักเสบ

7. หอมแดง

เจลล้างหน้าลดสิว

หอมแดง 1 ผล สับละเอียดคั้นเอาแค่น้ำของมัน ทาบริเวณสิวอักเสบทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำได้ทุกวัน แต่บางคนอาจจะไม่ชอบวิธีนี้ เพราะว่าหอมแดงจะมีกลิ่นฉุน เราสามารถลดกลิ่นได้โดยการเอาไปแช่ตู้เย็น ในหอมแดงจะมีสาร Allicin และ Diallyl disulfide ยับยั้งแบคทีเรียได้อยู่หมัด

8. ตำลึง

เจลล้างหน้าลดสิว

นอกจากเอาไปทำอาหารแล้ง ตำลึงยังสามารถทำประโยชน์อย่างอื่นได้อีก โดยใช้ต้นตำลึง 1 กำมือ ตำให้ละเอียดแล้วคั้นเอาแต่น้ำ ชุบสำลีแล้วแปะเอาไว้บนสิวอักเสบประมาณ 15 – 20 นาที จากนั้นล้างออก สามารถทำได้ทุกวัน เพราะว่าตำลึงมีฤทธิ์ช่วยลดอาการอักเสบได้ดีมาก

นอกจากนี้ ควรทำความสะอาดผิวอย่างสม่ำเสมอ ดื่มน้ำให้เพียงพอ พักผ่อนร่างกาย และเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ก็เป็นวิธีลดสิวแบบทางอ้อมที่ดีอีกทางหนึ่ง เพราะจะทำให้ผิวชุ่มชื้น สุขภาพดีจากภายใน และไม่ผลิตความมันส่วนเกินออกมา ปัญหาสิวก็จะลดลงตามไปด้วย


อ้างอิง

https://skinx.app/content/acne/comedones-acne

https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/1321183

หน้าแพ้ครีมเป็นผื่น 20 วิธีรักษาให้หายหมดจด เห็นผล 100%

หน้าแพ้ครีมเป็นผื่น และเกิดสิว

หน้าแพ้ครีมเป็นผื่น 20 วิธีรักษาให้หายหมดจด เห็นผล 100% สิวผดมีลักษณะคล้ายผื่นหรือเล็กๆ และมีลักษณะแหลม ในช่วงเช้าเราอาจจะไม่สังเกตเห็น แต่ว่าในช่วงบ่ายจะเห่อออกมา ทำให้เห็นได้ชัดมาก ในบางครั้งจะมีอาการคันหรือแดง ยิ่งเราล้างหน้าบ่อยก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น พบได้บริเวณใบหน้า หน้าผาก และขมับ มีทั้งอักเสบและไม่อักเสบ 

สาเหตุการเกิดสิวผด 

สาเหตุการเกิดสิวผด 

ส่วนมากแล้วสิวผดเกิดจากแสงแดด และความร้อน เพราะว่าจะไปกระตุ้นให้ต่อมเหงื่ออุดตัน ระบายเหงื่อออกมาไม่ได้ เพราะเหตุในนี้ในช่วงที่อากาศเย็นเราจึงไม่ค่อยพบสิวผด ซึ่งในอากาศของบ้านเรามันก็เอื้อต่อการเกิดสิวผดอย่างมาก เพราะว่าส่วนใหญ่มีแค่หน้าร้อนกับหน้าร้อนมาก

สิวผด เกิดจากยีสต์ P.ovale เมื่อเข้าหน้าร้อน หรือในช่วงที่มีอากาศร้อน ไขมันบนหน้าของเราจะเป็นอาหารของมัน จนเกิดการแบ่งตัวแล้วกลายเป็นสิวผด บีบยากมาก บางทีบีบแล้วก็ไม่มีอะไรออกมา และยิ่งบีบหนักๆ เข้าก็จะอักเสบกลายเป็นปัญหาหนักเข้าไปอีก

หน้าแพ้ครีมเป็นผื่น สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวผด

หน้าแพ้ครีมเป็นผื่น สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวผด

  • เกิดจากการแพ้ผลิตภัณฑ์
  • แพ้น้ำหรือเหงื่อ
  • มลพิษจากสภาวะอากาศ และสิ่งแวดล้อม
  • ใช้น้ำอุ่นล้างหน้าบ่อยเกินไป
  • การเช็ด ถู หรือขัดหน้าบ่อยๆ แรงๆ
  • แพ้เครื่องสำอางบางประเภท
  • นอนน้อย นอนไม่หลับ หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • ภูมิคุ้มกันในร่างกายไม่สมบูรณ์

หน้าแพ้ครีมเป็นผื่น 20 วิธีรักษาให้หายหมดจด เห็นผล 100%

หน้าแพ้ครีมเป็นผื่น 20 วิธีรักษาให้หายหมดจด เห็นผล 100%

  1. อย่างแรกที่ต้องทำคือการรักษาความสะอาดของใบหน้าให้มากที่สุด และหยุดการรบกวนใบหน้า เช่น การนวดหน้า ขัดหน้า เช็ดถูหน้า เพราะว่ามือของเราในบางครั้งจะสกปรก ทำให้เกิดการกระตุ้นของสิว
  2. ล้างหน้าอย่างถูกวิธี การล้างหน้าบางครั้งก็เป็นอันตรายต่อผิวเช่นกัน เช่น การล้างหน้าบ่อยเกินไป เพราะว่าจะยิ่งไปกระตุ้นให้เกิดสิวผด ไม่ควรล้างหน้าเกินวันละ 2-3 ครั้ง
  3. เช็ดเครื่องสำอางให้สะอาด เนื่องจากเครื่องสำอางเป็นสิ่งแปลกปลอมและอาจมีสารเคมี หรือแม้แต่วันที่ทาแค่ครีมกันแดด หากไม่เช็ดทำความสะอาดให้ดี ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิวผดได้ด้วย
  4. ไม่ควรใช้น้ำอุ่นล้างหน้าเพาะว่าความร้อนจะยิ่งไปกระตุ้นให้เกิดสิวผด และหลีกเลี่ยงการล้างหน้าด้วยสบู่ หรือโฟมล้างหน้า ถือว่าเป็นเคล็ดลับแก้ผิวแห้งเป็นสิว ที่ควรนำไปใช้อย่างยิ่ง
  5. สภาพจิตเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก เพราะว่าความเครียดจะไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานหนัก นอนให้เป็นเวลา และพักผ่อนให้เพียงพอ อย่านอนดึก
  6. อาหารควรทานให้ครบตามหลักโภชนาการ โดยเฉพาะพวกผัก ผลไม้ และแร่ธาตุสังกะสี นอกจากนี้ควรดื่มน้ำให้มาก เพื่อคืนความชุ่มชื้นสู่ผิว
  7. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่แพ้ อย่างที่ได้บอกเอาไว้ว่าไม่ควรใช้อะไรทั้งนั้นระหว่างที่กำลังเกิดสิวผด แต่ว่าเราสามารถบำรุงหน้าได้ด้วย ว่านหางจระเข้ โรสแมรี ฯลฯ แต่อย่าลืมว่าก่อนนอนต้องล้างหน้าให้สะอาดทุกครั้ง เพราะอาจกลายเป็นสาเหตุของปัญหาสิวอุดตัน
  8. หลีกเลี่ยงแสงแดดให้มากที่สุด แต่หากว่ามีความจำเป็นต้องทำกิจกรรมที่ต้องเผชิญกับแสงแดด ควรทาครีมกันแดดทุกครั้ง แต่ถ้าจะให้ดีควรเลือกครีมกันแดดที่มีความมันน้อย อ่อนโยนต่อใบหน้า และมีค่า SPF 15 PA+++
  9. ยาคีโตโคนาโซล คือยาที่ใช้ทาเพื่อลดสิวผดที่เกิดจากเชื้อยีสต์ แต่ว่าต้องใช้อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  10. ยาอะดาพาลีน คือยาในกลุ่มของ เรตินอยด์ เช่นยา “ดิฟเฟอริน” เพื่อใช้ทาก่อนนอนให้สิวผดมีหัวขึ้นมา แล้วทำการรักษาอีกทีหนึ่ง
  11. ทำเลเซอร์ หลายคนที่ไม่ค่อยมีเวลาและต้องการการดูแลผิวอย่างรวดเร็ว การทำเลเซอร์ถือเป็นตัวเลือกที่หลายคนใช้ แต่ว่าจะมีผลข้างเคียงคือทิ้งรอยดำๆ เอาไว้บนใบหน้า ถึงจะเป็นเช่นนั้นหลายคนก็เลือกที่จะมารักษารอยดำกันทีหลัง
  12. ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง หลายคนมีปัญหาสิวผดเรื้อรัง เพราะมันขึ้นถาวรเมื่อรักษาหายมันก็ขึ้นมาอีก ถ้าเป็นเช่นนี้ควรใช้วิธีรักษาสิวผดอย่างถูกต้อง โดยการทายาตามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ
  13. มะนาว + ผงพิเศษตราร่มชูชีพ + แป้งโยคี นี่คือสูตรที่ดีมาก เพราะนอกจากรักษาสิวผดได้อย่างชัดเจน ยังช่วยให้ผิวมันหายไปอย่างหมดจด วิธีทำ คือ นำ ผงพิเศษตราร่มชูชีพ + แป้งโยคี มาผสมให้เข้ากันในอัตราส่วนที่เท่ากัน จากนั้นนำน้ำมะนาวคั้นสดๆ มาใส่เพื่อให้เกิดความเหนียว แบบหนืดๆ ไม่ต้องเหลวมาก แล้วนำมาพอกหน้า ยิ่งใช้ผิวของคุณจะยิ่งดีขึ้น
    ข้อแนะนำสามารถทาก่อนนอน และทิ้งไว้จนถึงตอนเช้าได้เลย ในครั้งแรกอาจมีอาการแสบๆ คันๆ เล็กน้อย บริเวณที่มีสิวอักเสบ เพราะว่าฤทธิ์ของมะนาวจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า รูขุมขนสะอาด และสลายไขมันอุดตันต้นเหตุของการเกิดสิวผดได้อย่างหมดจด แต่ถ้าใครผิวแพ้ง่ายไม่ควรใช้วิธีนี้
  14. ผงหอมศรีจันทร์ + โยเกิร์ต แบรนด์ไทยใช้ดี ผงหอมศรีจันทร์ สามารถช่วยลดสิวผดได้อย่างไม่น่าเชื่อ จริงๆ แล้วเรามีหลายสูตรกันที่คนนิยมใช้ แต่ในวันนี้เราจะมาใช้สูตรผสมกับโยเกิร์ต โดยการเอาโยเกิร์ตธรรมชาติ 3 ช้อนโต๊ะ ผสมกับผงหอมศรีจันทร์ 1 ช้อนโต๊ะ ทาหน้าทิ้งเอาไว้ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ช่วยขจัดสิ่งสกปรก สิ่งที่อุดตันในรูขุมขน กระชับผิว สามารถทำได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง รักษาสิวผด ลดความมันบนใบหน้าได้ดี
  15. เลิกใช้ครีมที่แพ้ ถ้ามันใช้แล้วแพ้ก็เลิกใช้ก่อน อย่าคิดว่าของแพงจะดีเสมอไป เลือกใช้ให้ตรงกับสภาพผิวจะดีที่สุด และเมื่อเกิดอาการแพ้ให้ดูว่าผลิตภัณฑ์ที่เราแพ้มีส่วนผสมของอะไร คราวหน้าจะได้ไม่ซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมพวกนี้ แพ้อย่างฉลาดต้องรู้จักตัวเอง
  16. หยุดใช้เครื่องสำอางทุกอย่าง เมื่อเกิดอาการแพ้เราต้องงดใช้ทุกอย่างแม้กระทั่งครีมบำรุง เพราะว่าพวกนี้จะไปยับยั้งการรักษาอาการแพ้ให้หายช้า แล้วรักษาอาการแพ้ให้หายก่อน แล้วค่อยกลับมาใช้ใหม่
  17. ทายาลดผดผื่นคัน หากว่ามีอาหารไม่มากมายเท่าไหร่เราสามารถไปปรึกษาเภสัชตามร้านขายยาได้เลย เช่น ยาทาลดอาการคัน หรือยาที่มีส่วนผสมของ Ketoconazole ยาเหล่านี้จะช่วยลดอาการแพ้ แต่หากว่ามีอากรแพ้ที่รุนแรง แน่นอนคงไม่ต้องให้บอก ปรึกษาแพทย์ด่วนเลย
  18. ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด ใช้น้ำสะอาดล้างหน้าสำคัญมาก ไม่ต้องใช้โฟมเพราะว่าอาจจะทำให้เกิดอาการแพ้มากยิ่งขึ้นไปอีก น้ำสะอาดธรรมดานี่อหละดีที่สุดแล้ว ไม่แพ้แน่นอน รอหายดีเมื่อไหร่ค่อยกลับมาบำรุงผิวหน้ากันใหม่ก็ยังไม่สาย
  19. งดการมาส์กหน้า แม้แต่การมาส์กหน้าเราก็ต้องหยุดเช่นกัน เพราะการมาส์กหน้าอาจจะมีสารบางอย่างที่ทำให้หน้าแพ้กว่าเดิม จึงควรงดไปก่อน
  20. อย่าบีบสิว บางคนเวลาเกิดอาการแพ้จะมีสิวขึ้นหนัก โดยเฉพาะคนที่มีสิวอยู่แล้วสิวจะยิ่งเห่อขึ้นมากหนักว่าเดิม อย่าบีบเด็ดขาด! เพราะจะยิ่งทำให้เกิดการอักเสบ เป็นแผลเป็น อาการแพ้ก็จะหายช้า หากว่ามีอาการอักเสบสามารถซื้อยาทาได้ เช่น Clinda-M , Clindalin gel เป็นยาแต้มสิวที่นิยมใช้กัน

นี่ก็เป็น 20 วิธีช่วยคุณได้ เห็นผล 100 % คนเรานั้นมีสภาพผิวที่แตกต่างกัน บางคนแพ้ยาตัวนั้น ครีมตัวนี้ หรืออาหารตัวโน่น จนทำให้ผิวเกิดผลกระทบเกิดสิว มีผื่น มีตุ่มน้ำเม็ดเล็กๆ คันจนเกาไม่หยุด จนทำให้มีอาการอักเสบ ดังนั้น ดูแลจากภายนอกแล้ว การดูแลภายในก็สำคัญไม่แพ้กัน อย่างการออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ รักษาสุขภาพของจิตให้แข็งแรง ก็เป็นอีกวิธีที่ทำให้ผิวของเราแข็งแรงขึ้นได้


7 ครีมรักษาสิวที่ดีที่สุด หายชะงักพร้อมรักษารอยแผลเป็น

7 ครีมรักษาสิวที่ดีที่สุด หายชะงักพร้อมรักษารอยแผลเป็น

7 ครีมรักษาสิวที่ดีที่สุด หายชะงักพร้อมรักษารอยแผลเป็น สำหรับคนที่เป็นสิว ใครไม่เป็นคงไม่เข้าใจว่ามันบั่นทอนความมั่นใจอย่างรุนแรงแค่ไหน เพราะฉะนั้นการตามหาผลิตภัณฑ์รักษาสิวจึงเป็นเรื่องที่ถูกค้นหาใน Google จำนวนหลายพันครั้งต่อวัน และในวันนี้เรามีครีมดีๆ มานำเสนอครีมรักษาสิวที่มีประสิทธิภาพสูง รับรองว่าครีมทั้ง 7 ตัวนี้จะทำให้คุณประทับในผลลัพธ์อย่างแน่นอน

1. หน้าแพ้ครีมเป็นผื่น ใช้ HIRUSCAR POSTACNE

หน้าแพ้ครีมเป็นผื่น ใช้ HIRUSCAR POSTACNE

เนื้อเจลสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้รวดเร็ว และลึกล้ำ ลดรอยดำ รอยหลุม รอยแดง และลดปัญหาของการเกิดสิวได้อย่าชะงัก ราคา 350 บาท ขนาด 10 กรัม

2. SCAR ESTHETIQUE

SCAR ESTHETIQUE

ด้วยการผสมสารสกัดจากเปลือกสน ทำให้ช่วยฟื้นฟูผิว รักษารอยแผลใหม่จากสิวได้อย่างรวดเร็ว และยังมีสารสกัดจากหัวหอมกับเมล็ดองุ่น ทำให้สิวอักเสบลดอาการลง ไม่เกิดรอยแดง และช่วยยับยั้งการสร้างคอลลาเจน และการสร้างเม็ดสีเมลานินที่เกินความจำเป็น อันเป็นสาเหตุของการเกิดรอยนูนแดง ช่วยให้รอยแผลของสิวดูจางลง ราคา 450 บาท

3. หน้าแพ้ครีมเป็นผื่น ใช้ CYBELE SCAGEL

หน้าแพ้ครีมเป็นผื่น ใช้ CYBELE SCAGEL

อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์รักษาสิวเนื้อเจลใส ไม่มีกลิ่น ซึมเข้าสู่ผิวทันทีที่ทา ไม่เหนียว และช่วยให้รอยดำหยุดลงจนจางหายในที่สุด เป็นวิธีรักษาสิวและจุดด่างดําที่ดี อีกทั้งช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว และเต็มไปด้วยสารสกัดจากผลไม้ เช่น มะขาม และผลไม้อื่นๆ ที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวเก่า ราคา 158 บาท ขนาด 9 กรัม

4. HIRUDOID MILD CREAM

HIRUDOID MILD CREAM

ได้ยินชื่อนี้มานานมาก สินค้ายอดนิยมสำหรับการแก้ปัญหาสิว ลบรอยแผลเป็นได้ทุกที่บนผิวของเรา ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม ไม่เกิดอาการแพ้ ไม่เหนียว ดีงานพระราม 8 ใช้มาตั้งแต่เด็กจนโต แถมยังลดอาการอักเสบ ชิวๆ กับผิวสวยได้เลยหายห่วง ราคาก็เบามีทั้งแบบ 122 บาท ขนาด 10 กรัม และ 405 สำหรับขนาด 50 กรัม

5. หน้าแพ้ครีมเป็นผื่น ใช้SMOOTH-E CREAM

หน้าแพ้ครีมเป็นผื่น ใช้SMOOTH-E CREAM

Smooth E ชื่อนี้ก็เป็นหนึ่งเรื่องรักษาสิว ว้าว !!! ขจัดเซลล์ผิวเก่า กระตุ้นเซลล์ผิวใหม่ ไม่มีผิดหวัง สำหรับท่านที่ประสบปัญหาสิว สิว แล้วก็สิว แถมยังช่วยบำรุงผิวให้สดใส ชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย ราคา 120 บาท ขนาด 15 กรัม

6. SCARLESS

SCARLESS

อุดมไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาตินานาชนิด เรียกว่าสร้างมาโดยธรรมชาติก็ว่าได้ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ช่วยสมานรอยแผลได้อย่างรวดเร็ว ลดเลือนทุกริ้วรอย ไม่เหนียว ราคา 234 บาท ขนาด 20 กรัม

7.  หน้าแพ้ครีมเป็นผื่น ใช้ MEDMAKER VITAMIN E CREAM

หน้าแพ้ครีมเป็นผื่น ใช้ MEDMAKER VITAMIN E CREAM

เภสัชยังแนะนำ มีวิตามิน E ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอบนผิวหน้าได้อย่างดีเยี่ยม รอยแผลต่างๆ ดูจางลงอย่างชัดเจน สร้างความชุ่มชื่นตลอดทั้งวัน ให้ผิวหน้าเต่งตึงสดใส ไม่ต้องหลบหน้าใคร ราคา 85 บาท ขนาด 20 กรัม

หมดปัญหาเรื่องผิว พิชิตสิวด้วย 7 ครีมรักษาสิวที่ดีที่สุด คุณสามารถเลือกใช้ได้ตามที่สบายใจกันไปเลย รับรองว่าหน้าจะใสขึ้นได้อย่างแน่นอน ที่สำคัญอาจจะต้องใช้เสียหน่อย อย่าเพิ่งด่วนใจร้อน บีบสิวให้หน้าพังมากกว่าเดิมกันนะ


อ้างอิง

13 วิธีรักษาสิวผด ! หน้าเป็นสิวผดทําไงดี ?. https://medthai.com/สิวผด/

แนะนำวิธีแก้อาการหน้าแพ้ครีม หน้าแดง สิวเห่อ ผดผื่นเม็ดเล็กๆ หายได้แต่ต้องใช้เวลา. http://acnedefend.blogspot.com/2013/11/allergic-acne.html

สกินแคร์วัย 30 ครีมลดเลือนริ้วรอยให้ผิวขาวเนียนใสโดยเฉพาะ

สกินแคร์วัย 30 ครีมลดเลือนริ้วรอยให้ผิวขาวเนียนใสโดยเฉพาะ

สกินแคร์วัย 30 ครีมลดเลือนริ้วรอยให้ผิวขาวเนียนใสโดยเฉพาะ ด้วยความที่ผิวของสาวๆ ก็ต้องถดถอยลงไปตามกาลเวลา แล้วสิ่งที่ตามมาก็คือ ริ้วรอยและความตึงของผิวหนังที่น้อยลง ทำให้สาวๆ ทั้งหลายต่างสรรหาครีมมาบำรุงใบหน้า และวันนี้เราก็มี 10 สกินแคร์วัย 30 ที่จะช่วยบำรุงผิวมาฝากกัน 

1. SMOOTH-E GOLD CREAM

สกินแคร์วัย 30

นี่คือหนึ่งในครีมตัวท็อป ที่จะมาช่วยลบเลือน จุดด่างดำ และความหมองคล้ำ ช่วยขจัดริ้วรอยก่อนวัย เชื่อว่าตัวนี้สาวๆ จะต้องชอบและต้องยกนิ้วให้แน่นอน ใช้แค่ไม่กี่ครั้งก็เห็นผลแล้ว บอกได้เลยว่าใครไม่มีตัวนี้ติดบ้านถือว่าเชยมากๆ ราคามีตั้งแต่ 140 – 600 บาท เลยทีเดียว

2. L’OREAL REVITALIFT FILLER

สกินแคร์วัย 30

มากับครีมบำรุงผิวหน้าสูตรเด็ดที่มีการใช้แล้วเกิดการบอกต่อกันมากที่สุด โดยจะไปช่วยยกกระชับผิวที่ห้อย หย่อนคล้อย รวมถึงการลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตา และจะทำให้ผิวที่ดูเหี่ยวสามารถเต่งตึงขึ้นมาได้ และยังช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื่น ดูเด็กลงอีกด้วย ราคาแพงหน่อยแต่ก็คุ้ม 1,000 บาทเท่านั้น

3. OLAY REGENERIST MICRO-SCULPTING CREAM

สกินแคร์วัย 30

นี่เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสูงมากๆ และยังเหมาะกับสาววัย 30+ อีกด้วย โดยมีจุดเด่นคือมีเนื้อครีมที่ทาแล้วไม่ทำให้ผิวเกิดการเหนอะหนะ ช่วยจัดการกับผิวหน้าที่ไม่เรียบ และยังซึมเข้าสู้ผิวได้ดี ซึ่งถ้าใช้เป็นประจำรับรองว่าทำให้ผิวหน้าจะดูเด็ก รูขุมขนกระชับ สิวฝ้าหายไปแน่นอน ราคาก็แค่ 1,000 บาทเท่านั้น

4. EUCERIN HYALURON-FILLER 3D FILLER DAY RICH CREAM

สกินแคร์วัย 30

สำหรับสาวคนไหนที่มีผิวแพ้ง่าย ครีมตัวนี้ถือว่าเป็นคำตอบสุดท้ายแน่นอน โดยคุณสมบัติของครีมตัวนี้คือ จะเข้ากันได้ดีกับผิวที่บาง ผิวแห้ง ซึ่งก็จะไปทำให้ริ้วร่องรอยต่างๆ ดูกระชับขึ้น แถมตัวนี้ยังสามารถกันแดดได้ด้วย ราคาอยู่ที่ 2ม000 บาท 

5. LANCOME RENERGIE MULTI-LIFT DAY CREAM

สกินแคร์วัย 30

นี่คือครีมที่จะช่วยในการยกกระชับผิวหน้า ให้ดูเต่งตึงได้ ซึ่งบอกได้เลยว่าใครได้ใช้ก็ต้องบอกต่อกันแน่นอน จุดเด่นคือ เนื้อครีมตัวนี้สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้เร็ว และยังให้กลิ่นหอมเล็กๆ ด้วย แน่นอนว่าถ้าใช้เป็นประจำก็จะทำให้ผิวหน้าสวย ยกกระชับ รูขุมขนดูตื้นขึ้น สวยแน่นอน ราคาอยู่ที่ 4,200 บาท

6. POND’S AGE MIRACLE CELL REGEN DAY CREAM

สกินแคร์วัย 30

ใครที่มีตีนกาที่หน้า ใครที่มีผิวที่เหี่ยวย่น อยากให้ลองใช้ครีมตัวนี้ดู ถือเป็นครีมที่สามารถรักษาริ้วรอยต่างๆ ได้ดีมากเลยทีเดียว และยังเหมาะกับคนที่มีสภาพผิวที่มันหรือผิวผสมอีกด้วย ราคาแค่ 450 บาทเท่านั้น

7. SKINFOOD GOLD CAVIAR COLLAGEN CREAM

สกินแคร์วัย 30

มากับครีมทาหน้าส่งตรงคอลลาเจนจากเกาหลี เหมาะกับคนที่อยากมีผิวที่เรียบเนียน ดูเต่งตึง และไร้ริ้วรอย ครีมตัวนี้จะเหมาะกับคนที่มีผิวแห้งและผิวธรรมดามาก เพราะให้ความชุ่มชื้นในระดับที่เยอะมาก ราคาอยู่ที่ 1,390 บาท

8. SK-II R.N.A. POWER RADICAL NEW AGE CREAM

สกินแคร์วัย 30

นี่เป็นครีมที่จะช่วยในการยกกระชับผิวหน้าให้ดูเต่งตึง และช่วยบำรุงผิวหน้าให้ดูกระจ่างใส ช่วยกระชับรูขุมขนให้ตื้นขึ้น ทำให้ใบหน้าดูขาว กระจ่างใส และสามารถกลบจุดด่างดำออกไปได้ ราคาอยู่ที่ประมาณ 6,000 บาท

9. ESTEE LAUDER REVITALIZING SUPREME GLOBAL ANTI-AGEING CRÈME

สกินแคร์วัย 30

มากับครีมที่สามารถจัดการกับปัญหาตามอายุดีมากๆ ตั้งแต่ ริ้วรอย ผิวที่เหี่ยวย่น ซึ่งใครที่ใช้เป็นประจำ ก็จะช่วยกระชับรูขุมขน และช่วยทำให้ริ้วรอยดูตื้นขึ้น โดยเนื้อครีมจะมีความหนาแน่นสูง และมีกลิ่นหอมๆ ติดมาด้วย ราคาอยู่ที่ 3,600 บาท

10. GARNIER AGELESS WHITE ANTI-AGING + WHITENING MIRACLE CREAM

สกินแคร์วัย 30

ครีมลดริ้วรอยตัวนี้ สามารถลดริ้วรอยได้ดี ช่วยกระชับรูขุมขนให้ตื้นขึ้น และช่วยในการทำให้ใบหน้าดูเด็กลงได้ด้วย โดยตัวนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวที่มีการบอกต่อกันสูงมาก จนทำให้ผู้ผลิตต้องเร่งจำนวนผลิตมาเลยทีเดียว ราคาอยู่ที่ 380 บาท

ในช่วงวัย 20 ปลายๆ ไปจนถึงอายุ 30 ขึ้นไป ผิวหนังหรือคอลลาเจนในร่างกายจะเริ่มน้อยลง เนื่องจากอายุ ไลฟ์สไตล์ พันธุกรรม หรือมลภาวะต่างๆ ทำให้ผิวของเราเกิดริ้วรอยได้ง่าย ยิ่งถ้าเข้าช่วงอายุ 30 ปลายๆ ผิวที่เคยเต่งตึงแข็งแรงก็จะเสื่อมสภาพลง ดังนั้น สกินแคร์วัย 30+ จึงเป็นตัวเลือกที่จะช่วยชะลออายุของผิวได้เป็นอย่างดี


5 เอสเซนส์ยี่ห้อใช้ดี น้ำตบหน้าขาวใส ใช้แล้วหน้าสวยเด้งดีสุดๆ

สกินแคร์วัย 30

แนะนำ 5 เอสเซนส์ยี่ห้อใช้ดี น้ำตบหน้าขาวใส ใช้แล้วหน้าสวยเด้งดีสุดๆ เอสเซนส์ครีมบำรุงสกินแคร์ในรูปแบบของน้ำใสๆ ให้ความชุ่มชื่นที่สาวๆ ต่างติดอกติดใจกัน เพราะเพียงแค่ตบๆ ก็ให้ความสดชื่นและหน้ายังใสเด้งอย่างเห็นได้ชัด ความใสเบาของเนื้อผลิตภัณฑ์เมื่อสัมผัสและใช้แล้วทำให้ไม่หนักหน้าด้วย การใช้เอสเซนส์ใสสามารถใช้ได้ทั้งในเวลาเช้าและเย็น เหมาะกับสาวๆ ทุกวัยหรือหนุ่มๆ ที่ต้องการมีผิวสวยนุ่มชุ่มชื่น สุขภาพผิวดี ซึ่ง 5 เอสเซนส์ที่เรานำมาจัดอันดับคือสุดยอดเอสเซนส์ตบแล้วหน้าฉ่ำฟูสวย ได้แก่

1. SK-II Facial Treatment Essence

สกินแคร์วัย 30

นี่คือสุดยอดเอสเซนส์ในตำนาน เป็นเอสเซนส์ตัวแม่ที่ทำให้สาวๆ กรี๊ดและเกิดกระแสเอสเซนส์ด้วยคำเรียกเอสเซนส์ของเอสเคทูชิ้นนี้ว่า น้ำตบป้าเจี๊ยบ ด้วยส่วนผสมจากพิเทร่าที่มีแบรนด์เดียวในโลกและถูกจดลิขสิทธิ์ สารที่ล่ำลือและพิสูจน์แล้วว่าคือเคล็ดลับความเยาว์วัยของผู้หญิงญี่ปุ่น ใครที่อยากเยาว์วัยพลาดไม่ได้ สำหรับใครที่ใช้อยู่แล้วคงไม่มีใครที่ไม่หลงรักเอสเซนส์ตัวนี้แน่ๆ

2. Etude House Moistfull Collagen Essence

สกินแคร์วัย 30

ด้วยส่วนผสมเด่นคือคอลลาเจนกับเอสเซนส์สัญชาติเกาหลีที่ทำมาสำหรับผิวสาวเอเชียโดยเฉพาะ ให้ความชุ่มชื่นแล้วยังทำให้ผิวกระชับเต่งตึงแบบสาวเกาหลี ผิวนวลเนียนกระจ่างใส แม้จะเป็นส่วนผสมคอลลาเจนแต่ทำออกมาได้น่าใช้ ใช้แล้วเบาไม่มีคำว่าหนักหน้า

3. Biotherm Life Plankton Essence

สกินแคร์วัย 30

ด้วยส่วนผสมที่สกัดจากแพลงตอนใต้ทะเลบริสุทธิ์ มาในสีฟ้าใสแสนสวย ช่วยให้ความชุ่มชื่นถ้าคุณมีผิวที่แห้งกร้านขาดน้ำต้องเอสเซนส์ตัวนี้เลยเอาอยู่แน่ๆ ทำให้หน้าเนียนใสและยังช่วยเรื่องริ้วรอยเหี่ยวย่นและรอยจากสิวได้ด้วย

4. TONY MOLY Intense Care Galactomyces Lite Essence

สกินแคร์วัย 30

เอสเซนส์จากแดนกิมจิที่สามารถใส่ส่วนผสมของพิเทร่าสูตรลับลงไปได้ ช่วยให้ผิวแข็งแรงและยังทำให้กระจ่างใสอย่างดี เหมาะกันคนผิวแห้งและมีริ้วรอย ช่วยให้ความสว่างใสแก่ใบหน้าที่หมอง สาวๆ ที่มีใบหน้าหมองคล้ำ ลองใช้ตัวนี้รับรองว่าคุณจะต้องมีความสุขกับผิวหน้าที่สวยขึ้นอย่างชัดเจน

5. Sena Marine Plankton Water Serum Concentrate 

สกินแคร์วัย 30

เอสเซนส์ตัวนี้ไม่ทำให้หน้าเหนียวเหนอะหนะ และยังมีส่วนผสมของแพลงตอนและวิตามินต่างๆ อีกมากมาย คุณประโยชน์ช่วยลบเลือนสิว ให้หน้ากระจ่างใสและชุ่มชื่น หน้าจะใสและตึงไม่คล้อย กระชับมากๆ สาว ๆ สำหรับลำดับการทาสกินแคร์รูทีน ตัวนี้ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในไอเท็มที่ต้องมีเลย ใครที่กำลังหาเอสเซนส์ในราคาย่อมเยาและมีทั้งแพลงตอนและวิตามินคงถูกใจกันทีเดียว

นอกจาก สกินแคร์วัย 30+ ที่จำเป็นต่อผิวแล้ว ก็อยากให้ทุกคนได้ลองใช้เอสเซนส์หรือน้ำตบด้วย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิวที่มีปัญหา เพราะการรักษาด้วยตัวเองก็อาจจะต้องใช้เวลาสักพักเช่นกัน ฉะนั้น ลองซื้อหามาใช้กันเพื่อช่วยบำรุงผิวล้ำลึกอีกขั้น มิฉะนั้นอาจตกเทรนด์ผิวสวยไปไม่รู้ด้วยนะ


5 อันดับมาส์กหน้าสุดฮิต มาส์กหน้ายี่ห้อไหนใช้แล้วดี ที่ทำให้สาวๆ หน้าขาวใสขึ้น

สกินแคร์วัย 30

มาส์กหน้าสุดฮิต 5 อันดับใช้แล้วดี ที่ทำให้สาวๆ หน้าขาวใสขึ้นและชะลอริ้วรอย หนึ่งในเคล็ดลับขั้นตอนการประทินผิวที่สาวๆ ขาดไม่ได้ ยิ่งในช่วงที่ผิวหน้าโทรมเป็นพิเศษ หรือต้องอดนอน เผชิญมลภาวะหนักหน่วง ต้องการให้ผิวหน้ากลับมากระจ่างใสอย่างรวดเร็วให้ทันนัดสำคัญและงานพิเศษต่างๆ การมาส์กหน้าคือขั้นตอนลัดสู่การฟื้นฟูผิวให้กลับมาสวยรวดเร็วอย่างได้ผลที่สุดวิธีหนึ่ง มาส์กที่ฮอตฮิตติด 5 อันดับแรกที่สาวๆ นิยมใช้อย่างได้ผลมีอะไรบ้าง เรารวบรวมมาให้สาวๆ แล้ว

1. GARNIER SKIN NATURALS AGELESS RADIANCE FIRM UP SERUM MASK

สกินแคร์วัย 30

นับว่าเป็นมาส์กที่ไม่มีสาวๆ คนไหนไม่รู้จักกับการ์นิเย่มาส์กตัวนี้ ด้วยส่วนผสมอันเลอเลิศที่หาได้ยากจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในท้องตลาดรวบรวมมาไว้ในสูตรพิเศษของมาส์กนี้แล้ว ผสานด้วยคุณค่าไฮยาลูรอนิคแอซิดที่สามารถเก็บกักความชุ่มชื้นได้ 1,000 เท่า คุณค่าสารสกัดจากเมล็ดองุ่น ตรงเข้าฟื้นบำรุงผิว เหมาะสำหรับผิวที่ดูหมองคล้ำและไม่กระชับ ช่วยบำรุงล้ำลึก ให้ผิวดูกระชับ ลดเลือนริ้วรอยและให้สีผิวดูสม่ำเสมอ กระจ่างใส ดีขนาดนี้ผิวจึงสวยดั่งร่ายมนต์ในชั่วข้ามคืน

2. Sulwhasoo Snowise Brightening Mask

สกินแคร์วัย 30

ฟังจากชื่อสาวๆ ก็คงพอเดาได้แล้วว่า มาส์กแบรนด์นี้ดีอย่างไร ถ้าใครเคยใช้ผลิตภัณฑ์ตระกูล Snowise จะรู้กันดีอยู่แล้วว่าขึ้นชื่อในการช่วยเรื่องผิวขาวกระจ่างใส แผ่นมาสก์ตัวนี้ก็เช่นเดียวกัน อีกทั้งยังมีส่วนผสมของโสมขาวที่เต็มไปด้วยด้วยสารโพลีเซคคาไรด์ ช่วยทำให้ผิวเปลั่งปลั่ง ชะลอวัย ขาวกระจ่างใส แถมยังมีความชุ่มชื้นมากอีกด้วย 

3. My Beauty Diary Arbutin Whitening Mask

สกินแคร์วัย 30

ถ้าใครชอบมาส์กหลากหลายชนิด แบรนด์ มายด์ บิวตี้ ไดอารี่ มีมาส์กให้เลือกหลายสูตร แต่ที่นำมาแนะนำกัน ตัวนี้จะมีสารสกัดเข้มข้นของอาร์บูตินจากต้นเบียร์เบอร์รี่ที่มีความอ่อนโยนต่อผิว ทำให้ผิวขาวใสผุดผ่อง กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ หรือจะเลือกสูตรแบบที่เน้นความกระจ่างใสให้ใบหน้าอย่างสูตร แอปเปิล ดอกพู่ระหงส์ และสารสกัดจากมะนาว ผลัดเซลล์ผิว ช่วยลดความมันที่ค้างสะสมอยู่ใต้ผิวหน้าก็ได้

4. Neutrogena Fine fairness Deep Whitening Mask 

สกินแคร์วัย 30

แผ่นมาสก์หน้าจากแบรนด์ Neutrogena ที่ช่วยบำรุงหน้าด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง อุดมไปด้วยสารสกัดจากถั่วเหลือง ดอกลิลลี่ วิตามินบี 3 และวิตามินซี มีส่วนช่วยยับยั้งจำกัดการส่งเม็ดสีเมลานินไปยังผิวชั้นบนสุด อีกทั้งยังลดเลือนจุดด่างดำ พร้อมปรับสีผิวให้ขาวกระจ่างใส  สาวคนไหนที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอย จุดด่างดำ ต้องการความขาวกระจ่างใส ใช้ตัวนี้ได้เลย

5. Kuron Activated Carbon Crystal Mask

สกินแคร์วัย 30

มาส์กที่มีจุดเด่นในการดีท็อกสารพิษที่สะสมอยู่ใต้ผิวหน้า จากมลภาวะฝุ่นควัน ด้วยสารสกัดคาร์บอนเข้มข้นทรงคุณค่า ช่วยให้สิ่งสกปรกที่ติดค้างและฝังอยู่ลึกใต้รูขุมขนของสาวๆ ที่การล้างหน้าทำความสะอาดได้ไม่หมดในจุดที่ลึกและไม่ถึง เหมาะมากๆ สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องสิวและที่มีผิวหน้ามัน เพราะความมันบนผิวหน้า ทำให้มลภาวะฝุ่นสกปรกมาเกาะผิวหน้าและซึมเข้าในรูขุมขนได้ เป็นสาเหตุให้ผิวระคายเคืองและเกิดสิว ถ้าอยากขจัดสิวให้หน้ากระจ่างใสเนียนไร้สิวต้องใช้มาส์กตัวนี้เลย นอกจากนั้นยังเพิ่มความชุ่มชื่น รู้สึกได้ถึงความชุ่มชื่นของหน้าแม้หลังใช้ 2 ชม.

สำหรับสาวๆ ที่อยากผิวหน้าสวยเนียนใส ชะลอริ้วรอย ฟื้นฟูผิวหน้าให้สวยเสมอ อย่าลืมหาซื้อ สกินแคร์ ไม่ว่าเป็น ครีมทาหน้า เอสเซนส์ และมาส์กมาบำรุงผิวและใช้ให้เป็นประจำ แค่นี้ไม่ว่าจะอยู่ในวัย 30+ 40+ หรือ 50+ ผิวก็จะคงความอ่อนเยาว์และดูอ่อนกว่าอายุจริงอย่างแน่นอน


อ้างอิง

The best skincare routine to use in your 30s : https://www.womenshealthmag.com/uk/beauty/a707155/the-best-skincare-to-use-in-your-30s/

วิธีรักษาสิวและจุดด่างดำ ให้ผิวหน้ากลับมากระจ่างใสอีกครั้ง

วิธีรักษาสิวและจุดด่างดำ ให้ผิวหน้ากลับมากระจ่างใสอีกครั้ง!

วิธีรักษาสิวและจุดด่างดำ ให้ผิวหน้ากลับมากระจ่างใสอีกครั้ง! ความจริงแล้วปัญหาเรื่องผิวไม่นวลเนียนเพราะมีจุดด่างดำต่างๆ นั้น เราสามารถแยกประเภทได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ด้วยกัน ได้แก่ สีผิวไม่สม่ำเสมอเนื่องจากการกรำแดดโดยที่ไม่ได้ป้องกัน ร่องรอยฝ้า กระ ทั้งจากกรรมพันธุ์และพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน และสุดท้ายคือรอยด่างดำที่เกิดจากปัญหาสิว

ซึ่งในแต่ละกลุ่มก็จะมีวิธีการป้องกันและดูแลรักษาแตกต่างกันไป และในครั้งนี้เราก็จะเน้นไปที่วิธีแก้รอยด่างดำที่เกิดจากสิวเป็นหลัก เนื่องจากว่าเป็นกรณีที่เกิดได้กับทุกเพศทุกวัย กวนใจทั้งผู้ชายและผู้หญิง

เมื่อเจาะประเด็นรอยดำจากสิวก็พบว่ามีสาเหตุการเกิดอยู่ 2 แบบ อย่างแรกคือผลพวงของสิวอักเสบ เมื่อสิวอักเสบค่อยๆ ยุบตัวลงก็จะทิ้งรอยแดงรอยดำเอาไว้ ต้องดูแลรักษารอยนั้นต่อไปอีกหลังจากสิวหาย แต่รอยแบบนี้จะรักษาได้ง่ายกว่ารอยแบบที่สอง ซึ่งเกิดจากการบีบสิวที่ผิดวิธี หลายคนบีบจนเนื้อช้ำห่อเลือด และอีกหลายคนชอบสะกิดหัวสิวจนกลายเป็นแผลเปิด กรณีนี้เซลล์ผิวหนังจะเสียหายมากกว่า และต้องใช้เวลารักษายาวนานกว่า

เราลองมาดูกันว่าจะมีวิธีกำจัดสิวเสี้ยนให้ได้ผลหรือการกู้ชีวิตผิวหน้าให้กลับมากระจ่างใสไร้รอยด่างดำเหล่านั้นไปแบบไหนบ้าง

1. รอยด่างดำจากสิวหายเองได้

วิธีรักษาสิวและจุดด่างดํา

อย่างแรกที่ต้องทำความเข้าใจก็คือจุดด่างดำประเภทที่เป็นผลกระทบจากสิวนั้น สามารถหายเองได้เมื่อเวลาผ่านไปโดยไม่ต้องทำอะไรเลย แต่ต้องใช้เวลาค่อนข้างนานเมื่ออายุมากขึ้น เพราะเซลล์ผิวหนังเริ่มซ่อมแซมตัวเองได้ช้าลง การผลัดเซลล์ผิวก็ไม่ได้มีรอบ 28 วันเหมือนเดิมแล้ว วิธีนี้จึงน่าจะเหมาะกับวัยเด็กจนถึงวัยรุ่นที่มีอายุอยู่ประมาณ 20 ต้นๆ มากกว่า

เพียงแค่ไม่ไปรบกวนรอยดำที่มีอยู่ รวมทั้งไม่ทำให้ผิวหน้ามีรอยดำเพิ่มมากขึ้นจากเดิม ไม่นานนักรอยดำทั้งหมดก็จะค่อยๆ จางไป เหมือนกับว่าไม่เคยมีรอยเหล่านั้นมาก่อนเลย

2. ใช้ผลิตภัณฑ์ลดรอยจากสิวแบบทา

วิธีรักษาสิวและจุดด่างดํา

นี่เป็นวิธีที่ทำได้ง่ายและได้รับความนิยมมากที่สุด เพียงแค่เดินเข้าร้านขายยาหรือร้านขายเครื่องสำอางทั่วไป ก็จะเจอครีมรักษาสิวที่มีประสิทธิภาพสูงหลากหลายรูปแบบ มีทั้งแบบน้ำ เนื้อครีม และเนื้อเจล ชอบแบบไหนก็เลือกใช้แบบนั้นได้เลย เพราะสิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าจะใช้ผลิตภัณฑ์ลดรอยจากสิวที่มีเนื้อแบบไหน แต่สำคัญที่ว่ามีส่วนประกอบที่จำเป็นเพียงพอหรือไม่

พยายามเลือกชนิดที่มีวิตามินอี วิตามินซี อาร์บูติน กรดวิตามินเอ โคจิก ทรานซามิค เป็นต้น นอกจากนี้ก็เลือกแบบที่ทาแล้วซึมเข้าผิวได้ง่าย ไม่เยิ้ม ไม่มัน ผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดที่มีเสียงตอบรับที่ดีมาอย่างยาวนาน ได้แก่ MEDERMA, HIRUSCAR, SMOOTH-E CREAM, MEDMAKER VITAMIN E, SCAGEL และ PURICAS

3. ดื่มน้ำเปล่าให้มากกว่าปกติ

วิธีรักษาสิวและจุดด่างดํา

เนื่องจากว่าน้ำเป็นองค์ประกอบหลักของเซลล์ผิวและระบบร่างกายทั้งหมด ดังนั้นเมื่อเติมน้ำให้ร่างกายมากเพียงพอ ก็จะกระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมและฟื้นฟูส่วนที่สึกหรอได้ดียิ่งขึ้น พร้อมกับเป็นการขับของเสียออกจากร่างกายด้วย จุดด่างดำที่มีอยู่จึงค่อยๆ จางลงเรื่อยๆ ตามธรรมชาติ ปริมาณน้ำขั้นต่ำที่ต้องการต่อวันคือประมาณ 8-10 แก้ว

4. ผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกด้วยกรดผลไม้

วิธีรักษาสิวและจุดด่างดํา

กรดผลไม้ที่ใช้ได้ง่ายมีอยู่ 2 ตัว คือ AHA และBHA ตัวหนึ่งเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ส่วนอีกตัวหนึ่งเป็นสารสังเคราะห์ ซึ่งมีข้อดีข้อด้อยกันคนละแบบ AHA จะออกฤทธิ์กับผิวหนังชั้นบนหรือชั้นหนังกำพร้าได้ดีกว่า BHA แต่ก็จะเกิดการระคายเคืองได้ง่ายกว่าด้วย วิธีการใช้ก็แตกต่างกันคือ เมื่อทา AHA ลงบนผิวแล้ว เราจะทิ้งไว้เพียงแค่ 5-10 นาทีเท่านั้น

แต่ถ้าใช้เป็น BHA เราต้องทิ้งไว้บนผิวนานประมาณ 15 นาที การใช้กรดผลไม้เหล่านี้จะช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง และเร่งการผลัดเซลล์ผิวที่เสียหายทิ้งไป จึงลดรอยด่างดำและริ้วรอยเล็กๆ ได้ดีมาก

5. บำรุงผิวด้วยว่านหางจระเข้

วิธีรักษาสิวและจุดด่างดํา

ว่านหางจระเข้เป็นพืชสมุนไพรที่หาได้ง่ายมากๆ ในบ้านเรา สนนราคาก็ไม่แพง แต่กลับมีประโยชน์อย่างมหาศาล ไล่ตั้งแต่ช่วยลดความแสบร้อนจากแผลน้ำร้อนลวก ลดความแสบแดงบนผิวที่เกิดจากแสงแดด ลดสิวและรอยแดงรอยดำจากสิว ทั้งยังช่วยบำรุงให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื้นอีกด้วย

หากสามารถหาว่านหางจระเข้สดๆ มาได้ ก็ให้ปอกเปลือกนอกออกพร้อมกับเอายางเคลือบที่เป็นสีเหลืองออกไปด้วย ใช้เฉพาะส่วนเนื้อวุ้นสีใสเท่านั้น นำมาปั่นหรือบดให้ละเอียดและพอกให้ทั่วหน้า ทิ้งไว้สักประมาณ 20 นาทีค่อยล้างออก

หรือถ้าไม่สะดวกก็สามารถใช้เจลว่านหางจระเข้ที่มีวางขายทั่วไปได้ แต่ต้องเลือกแบบที่เป็นว่านหางจระเข้เปอร์เซ็นต์สูงๆ และไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เอาแช่ตู้เย็นทิ้งไว้ แล้วใช้ทาผิวได้ทุกเมื่อที่ต้องการ

6. ใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเรตินอยด์

วิธีรักษาสิวและจุดด่างดํา

เมื่อฟังชื่อเรตินอยด์ก็อาจจะเข้าใจยากสักหน่อย แต่อันที่จริงมันก็คือสารประกอบประเภทวิตามินเอนั่นเอง ในช่วงแรกเรตินอยด์ถูกนำมาใช้เพื่อควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวหนัง แล้วต่อมาก็เอามาใช้ในวงการความสวยความงาม โดดเด่นในเรื่องลดจุดด่างดำต่างๆ เราสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเรตินอยด์ได้ทั่วไป มักถูกจัดวางอยู่ร่วมกับผลิตภัณฑ์ลดรอยดำจากสิวนั่นเอง

ผลิตภัณฑ์เรตินอยด์จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ เรตินเอ (กลุ่มที่เป็นแอลกอฮอล์เบส) และดิฟเฟอริน (กลุ่มที่เป็นวอเตอร์เบส) ทั้งสองตัวมีสรรพคุณเหมือนกันคือช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดรอยด่างดำจากสิวได้ดี แต่ตัวเรตินเอจะมีโอกาสระคายเคืองได้มากกว่าดิฟเฟอริน

7. ลดรอยด่างดำด้วย IPL

วิธีรักษาสิวและจุดด่างดํา

IPL หรือ Intense Pulse Light คือ เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ถูกใช้เพื่อแก้ปัญหาผิวในหลายกรณี เป็นการใช้แสงที่มีช่วงคลื่นกว้างตั้งแต่ 420 นาโนเมตรถึงประมาณ 1,200 นาโนเมตร เพื่อกระตุ้นการซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ผิวหนัง รักษาได้ทั้งสิว ฝ้า กระ รอยแดง รอยดำ หน้าหมองคล้ำ อาจเรียกได้ว่าเป็นทรีตเมนต์ครอบจักรวาลเลยทีเดียว

นี่เป็นรูปแบบการจัดการกับจุดด่างดำจากสิวที่รวดเร็วที่สุด แต่จะต้องทำอย่างต่อเนื่องประมาณ 3-4 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างราวๆ 1-2 อาทิตย์ สำหรับคนที่มีผิวสีเข้มก็ต้องระวังในเรื่องการเกิดผิวไหม้เอาไว้ด้วย

8. มาส์กหน้าด้วยสมุนไพร

วิธีรักษาสิวและจุดด่างดํา

ข้อดีของบ้านเราก็คือมีพืชสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์จำนวนมาก หลายตัวใช้ได้ผลดีกว่าตัวยาราคาแพงเสียอีก และต่อไปนี้คือ 3 สูตรยอดนิยมสำหรับการรักษารอยดำรอยแดงบนผิวหน้าโดยเฉพาะ

  • สูตรมะนาวและน้ำผึ้ง ความเป็นกรดของมะนาวจะเป็นตัวเร่งการผลัดเซลล์ผิวเก่า และน้ำผึ้งจะช่วยปลอมประโลมผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื้น สูตรนี้มีความอ่อนโยนพอสมควร สามารถทำได้อาทิตย์ละ 2 ครั้ง
  • สูตรมะขามเปียก น้ำผึ้งและนมสด ตัวที่จะกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวก็คือกรดในมะขามเปียก ส่วนน้ำผึ้งและนมจะช่วยบำรุงไม่ให้ผิวแห้งกร้าน สามารถทำได้อาทิตย์ละ 2 ครั้ง
  • สูตรหอมแดง อันนี้อาจจะต้องทนเรื่องกลิ่นกันเล็กน้อย แต่ก็ทำง่ายและได้ผลดีเช่นกัน แค่ฝานบางๆ แล้วเอามาถูวนตรงที่เป็นรอยดำ ทิ้งไว้อีก 20 นาทีค่อยล้างออก ทำซ้ำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง

9. รักษารอยดำด้วยเลเซอร์ YAG

วิธีรักษาสิวและจุดด่างดํา

เทคโนโลยีทางการแพทย์อีกตัวที่ถูกนำมาใช้เพื่อกำจัดจุดด่างดำบนผิวหน้า เป็นเลเซอร์ที่มีตัวกลางเป็นของแข็ง เช่น ผลึกทับทิม เป็นต้น กลไกการทำงานจึงผลักดันให้เลเซอร์เข้าสู่ชั้นผิวที่อยู่ในระดับลึกได้ เพื่อทำให้เม็ดสีกระจายตัวและหลุดออกไปเองตามธรรมชาติ แต่จะต้องทำซ้ำอย่างต่อเนื่องในทุก 2 อาทิตย์จนกว่าจะหาย และต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วยว่าสภาพผิวหน้าและระดับปัญหาที่เป็นอยู่ เหมาะกับการทำเลเซอร์ YAG หรือไม่ ข้อดีของ YAG ก็คือสามารถใช้ได้กับทุกเฉดสีผิว ไม่มีอาการผิวไหม้เช่นเดียวกับ IPL

10. ใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดอย่างสม่ำเสมอ

วิธีรักษาสิวและจุดด่างดํา

การปกป้องผิวจากแสงแดดเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการดูแลรักษาผิวหน้าในทุกกรณี ระหว่างที่เรารักษาจุดด่างดำด้วยวิธีการอื่นอยู่ โดยเฉพาะวิธีที่กระตุ้นให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกออกไป อาจทำให้ผิวมีความไวต่อแสงมากขึ้นในชั่วขณะได้ ถ้าไม่มีการป้องกันที่ดี ผิวก็จะแสบแดงและเกิดการไหม้จากแสงแดด ทำให้มีปัญหาผิวอื่นๆ แทรกเข้ามาเพิ่มอีก

ดังนั้นจึงต้องทาครีมกันแดดให้เคยชินไม่ว่าจะออกแดดหรือไม่ และใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป จะมีคุณสมบัติกันน้ำ คุมมัน กันเหงื่อด้วยหรือไม่ก็ได้ เพียงแค่คอยเติมระหว่างวันด้วยก็พอ

สิวและจุดด่างดำเป็นสภาพผิวทั่วไปที่คนส่วนใหญ่จะประสบในชีวิตประจำวัน ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงพันธุกรรม ฮอร์โมน และการเลือกรูปแบบการใช้ชีวิต อย่างไรก็ตาม หลายคนจึงต้องหา วิธีรักษาสิวและจุดด่างดำ ให้หน้ากลับมากระจ่างใส

ซึ่งก็มีหลายวิธีในการป้องกันไม่ให้เกิดสิว และวิธีหนึ่งในการป้องกันการเกิดสิวก็คือการรักษาผิวให้สะอาด อย่าลืมล้างหน้าทุกวันและหลีกเลี่ยงการใช้สบู่หรือผลิตภัณฑ์ที่รุนแรงมากเกินไป นอกจากนี้ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำร้ายผิว หรือมีความตึงเครียดมากเกินไป ที่สำคัญอย่าลืมเลี่ยงแสงแดดที่มากเกินไป และหมั่นทาครีมเพื่อคงความชุ่มชื้นผิวไว้ด้วย


รูขุมขนอุดตัน ก็เลยเป็นสิวอุดตัน มาดูวิธีแก้ง่ายๆ 10 วิธีนี้กันดีกว่า

วิธีรักษาสิวและจุดด่างดํา

หนึ่งองค์ประกอบของผิวหนังที่มีขนาดเล็กแต่สำคัญมากก็คือ “รูขุมขน” นอกจากจะเป็นจุดที่ขนขึ้นได้แล้ว ก็ยังมีหน้าที่หลักในการควบคุมความร้อนภายในร่างกายด้วย เมื่อไรก็ตามที่ภายในมีการเผาผลาญพลังงานมากขึ้น จากการทำกิจกรรม ความเครียด ความวิตกกังวล หรือปัจจัยอื่นใดก็แล้วแต่ รูขุมขนจะทำหน้าที่ระบายความร้อนออกมาเพื่อรักษาสมดุลของอุณหภูมิภายในร่างกายนั่นเอง

และนอกจาก วิธีรักษาสิวและจุดด่างดำ แล้ว อีกหนึ่งปัญหาที่พบบ่อยนั่นก็คือ รูขุมขนอุดตัน ก็เลยเป็นสิวได้ง่าย ดังนั้น ลองมาดูวิธีแก้ง่ายๆ 10 วิธีนี้กันดีกว่า

วิธีรักษารูขุมขนอุดตัน ลองใช้การระบายความร้อน ที่ว่านี้ก็มีทั้งแบบที่ระบายออกมาเป็นไอร้อนและขับออกมาในรูปของเหงื่อ ลักษณะของรูขุมขนจะแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ผิวส่วนต่างๆ ของร่างกาย และแตกต่างกันไปตามลักษณะทางพันธุกรรมของแต่ละคนด้วย บางคนมีรูขุมขนจำนวนมากและมีขนาดกว้าง บางคนมีรูขุมขนจำนวนน้อยแถมยังมีขนาดเล็ก จึงทำให้กระบวนการปรับอุณหภูมิของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

ไม่ใช่แค่เรื่องการปรับสมดุลร่างกายเท่านั้นที่เป็นบทบาทสำคัญของรูขุมขน แต่รวมไปถึงเรื่องของความสวยความงามด้วย โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าที่มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับรูขุมขนอยู่บ่อยครั้ง ทั้งรูขุมขนกว้างและรูขุมขนอุดตัน ซึ่งสร้างความไม่สบายใจให้กับสาวๆ หลายต่อหลายคน

เนื่องจากปกปิดด้วยเครื่องสำอางได้ค่อนข้างยาก ต้องมีความเชี่ยวชาญระดับหนึ่งถึงจะปกปิดได้อย่างเรียบเนียนจริงๆ ถือว่าเป็นตัวการบั่นทอนความสวยในอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ปัญหารูขุมขนอุดตันก็ยังก่อให้เกิดสิวอุดตันและสารพัดปัญหาผิวอื่นๆ ตามมา

นั่นหมายความว่าเราสามารถป้องกันปัญหาผิวหลายอย่างได้ด้วยการดูแลรูขุมขนของเราเอง และต่อไปนี้ก็คือวิธีการป้องกันพร้อมกับการแก้ไขปัญหารูขุมขนแบบง่ายๆ ที่สามารถทำกันได้ทุกคน

1. ให้ความสำคัญกับการทำความสะอาด

วิธีรักษาสิวและจุดด่างดํา

หลายคนละเลยขั้นตอนการทำความสะอาดผิวไป แล้วทุ่มทุนกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอางต่างๆ แทน ด้วยเข้าใจผิดว่าการล้างหน้านั้นไม่ได้มีอะไรพิเศษ และไม่มีนัยสำคัญอะไรต่อผิวหน้ามากนัก เพียงแค่ล้างให้เสร็จๆ ไปเท่านั้นเอง แต่ความจริงแล้วขั้นตอนการทำความสะอาดคือกุญแจสำคัญของสุขภาพผิวที่ดีเลย

หากทำความสะอาดไม่หมดก็จะมีสิ่งตกค้าง กลายเป็นสิวหรือผื่นแพ้ต่อไป ควรใช้คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสําอางอย่างถูกต้อง เพราะหากทำความสะอาดผิวไว้อย่างดีแล้ว ผิวก็พร้อมที่จะได้รับการบำรุงดูแลด้วยขั้นตอนอื่นๆ ที่ตามมา ผลลัพธ์จากผลิตภัณฑ์จึงเต็มประสิทธิภาพมากกว่า รูขุมขนก็ไม่มีวี่แววว่าจะอุดตันอีกด้วย

2. ผลัดเซลล์ผิวบ้างตามช่วงเวลาที่เหมาะสม

วิธีรักษาสิวและจุดด่างดํา

ในช่วงวัยเด็กถึงวัยรุ่น ผิวของเราจะมีระยะเวลาของการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติโดยไม่ต้องไปทำอะไรมากมาย ซึ่งค่าเฉลี่ยของระยะห่างแต่ละครั้งอยู่ที่ประมาณ 28 วัน ทำให้เซลล์ผิวเก่าที่เสียหายหรือตายแล้วหลุดออกจากชั้นผิวไป แล้วเผยผิวใหม่ที่ยังแข็งแรงและสดใสมาแทนที่ ดูรวมๆ ผิวจึงเหมือนมีสุขภาพดีอยู่ตลอดเวลา

แต่เมื่ออายุเริ่มมากขึ้น ระยะห่างของการผลัดเซลล์ผิวแต่ละรอบจะยิ่งยาวนานออกไป จนกระทั่งแทบจะไม่มีการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติอีกเลย และนี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการอุดตันตามรูขุมขนต่างๆ ดังนั้นเราจึงต้องมองหาผลิตภัณฑ์จำพวกสครับมาใช้บ้างเป็นครั้งคราว โดยเลือกแบบที่อ่อนโยนต่อผิว เม็ดสครับเล็ก ละเอียด ไม่บาดผิว ยิ่งถ้าเคลมว่าอ่อนโยนจนสามารถสครับได้ทุกวันก็ยิ่งดี แต่ความถี่ที่เหมาะสมก็ยังคงเป็น 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์อยู่ดี

3. อบไอน้ำบ้าง

วิธีรักษาสิวและจุดด่างดํา

การอบไอน้ำเป็นการทำทรีตเมนต์ผิวหน้าประเภทหนึ่ง ความร้อนจากไอน้ำจะขยายรูขุมขนชั่วขณะ แล้วชำระสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ตามผิวหน้าออกไป ทั้งยังช่วยให้ผิวหน้าได้ผ่อนคลายจากความตึงเครียดอีกด้วย

วิธีนี้จึงค่อนข้างเหมาะกับการป้องกันและแก้ปัญหาสำหรับคนที่มีภาวะรูขุมขนอุดตัน เพราะทำความสะอาดรูขุมขนได้อย่างล้ำลึก ข้อควรระวังก็คือไม่ควรอบไอน้ำบ่อยเกินไป และต้องล้างหน้าให้สะอาดก่อนที่จะเริ่มการอบไอน้ำทุกครั้ง

หากใครอยากอบไอน้ำบ้างแต่ไม่มีเครื่องมือ ก็ให้ประยุกต์ใช้ของในครัวเรือน ด้วยการนำหม้อต้มน้ำให้พอเดือด แล้วเอามาวางทิ้งให้เย็นลงเล็กน้อย อาจเติมสมุนไพรที่ชื่นชอบลงไปด้วยก็ได้ จากนั้นนำหน้าเข้าไปอังพร้อมคลุมหัวด้วยผ้าขนหนูเอาไว้ ไอความร้อนจะได้หมุนเวียนอยู่ภายใน ค้างไว้ประมาณ 5 นาทีก็เสร็จสิ้น

4. ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นให้เป็นนิสัย

วิธีรักษาสิวและจุดด่างดํา

เชื่อว่าหลายคนน่าจะติดการอาบน้ำอุ่น เพราะมันผ่อนคลายและสบายตัวดี แต่กับผิวหน้าอย่าเผลอใช้น้ำอุ่นเป็นอันขาด ให้ใช้น้ำเย็นอย่างสม่ำเสมอทั้งตอนเช้าและตอนเย็น เพื่อให้ผิวหน้าไม่แห้งกร้านเนื่องจากสูญเสียความชื้นในชั้นผิวไป และช่วยกระตุ้นให้รูขุมขนกระชับขึ้น

ผลพลอยได้ก็คือ รูขุมขนดูเล็กลง ผิวหน้าเรียบเนียน และช่วยให้เกิดรูขุมขนอุดตันได้ยาก หากต้องการกระชับรูขุมขนอีกระดับ หลังล้างหน้าให้ประคบด้วยน้ำเย็นจัดหรือน้ำแข็งอีกที

5. มาส์กหน้าด้วยโคลน

วิธีรักษาสิวและจุดด่างดํา

ผลิตภัณฑ์มาส์กหน้าประเภทโคลนมีสรรพคุณโดดเด่นในเรื่องของการดูดซับสิ่งสกปรก และช่วยลดสิ่งอุดตันในรูขุมขนได้อย่างยอดเยี่ยม ใช้ได้ดีกับผิวผสมไปจนถึงผิวมัน หากเป็นผิวแห้งแล้วอยากใช้จริงๆ ก็ให้เว้นระยะห่างมากหน่อย ไม่งั้นผิวจะยิ่งแห้งหนักกว่าเดิม เพียงแค่เดือนละ 1-2 ครั้งก็พอแล้ว

แต่สำหรับผิวมันสามารถใช้ทุกอาทิตย์ได้เลย มาส์กแบบโคลนส่วนมากจะมาในรูปแบบของเนื้อครีม วิธีใช้ก็พอกลงบนผิวให้ทั่ว รอจนกว่าจะแห้งดี จึงล้างทำความสะอาดใบหน้าต่อไป

6. มาส์กหน้าด้วย AHA หรือ BHA

วิธีรักษาสิวและจุดด่างดํา

สาร 2 ชนิดนี้เป็นกรดผลไม้ที่ออกฤทธิ์เร่งการผลัดเซลล์ผิว และช่วยลดการเกิดสิว โดยเฉพาะสิวอุดตัน จึงเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับคนเป็นสิวอุดตันหรือรูขุมขนอุดตัน

สำหรับใครที่ยังไม่รู้จัก AHA คือกรดผลไม้ชนิดที่ได้จากธรรมชาติ มีโอกาสที่จะระคายเคืองผิวได้มากกว่า BHA ที่เป็นกรดผลไม้สังเคราะห์ นอกจากนี้ก็มีจุดเด่นจุดด้อยอื่นๆ ที่แตกต่างกันไป สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม และใช้ได้ทุกสภาพผิวด้วย

7. ใช้ผลิตภัณฑ์เช็ดเครื่องสำอางทุกครั้ง

วิธีรักษาสิวและจุดด่างดํา

ต่อให้เราไม่แต่งหน้าเลย หรือทาเพียงแค่ครีมกันแดดอย่างเดียว ก็ต้องซื้อหาผลิตภัณฑ์เช็ดเครื่องสำอางมาติดบ้านเอาไว้เสมอ เพราะครีมกันแดดเกือบทั้งหมดมีส่วนประกอบที่จะอุดตันรูขุมขนได้ง่าย เช่น รองพื้น น้ำมัน เป็นต้น

ยิ่งถ้าเป็นครีมกันแดดประเภทกันน้ำ คุมมัน กันเหงื่อด้วยแล้ว ยิ่งติดทนชนิดที่ว่าแทบจะฝังแน่นอยู่บนผิวหน้าเลยทีเดียว หากไม่เช็ดออกจนหมดจด ก็จะกลายเป็นสิ่งตกค้างและสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ หลายคนจึงมีปัญหาสิวอุดตันทุกครั้งที่ใช้ครีมกันแดดนั่นเอง

8. เลือกใช้เครื่องสำอางให้เหมาะกับผิว

วิธีรักษาสิวและจุดด่างดํา

เหตุผลที่เราต้องให้ความสำคัญกับการเลือกเครื่องสำอางด้วยเหมือนกันก็คือ หากใช้เครื่องสำอางที่เข้ากับผิวเราได้อย่างลงตัวแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้เป็นอย่างแรกก็คือ แต่งยังไงก็ดูสวย แถมติดทนนาน ไม่ต้องเติมซ้ำระหว่างวัน

อย่างที่สองคือ เราจะไม่ต้องโบกจนหน้าหนาปานฉาบปูน ซึ่งการประโคมเครื่องสำอางจนผิวที่แท้จริงไม่ได้สัมผัสกับอากาศภายนอกบ้างเลย จะทำให้รูขุมขนอุดตันอย่างรุนแรง

9. เลิกพฤติกรรมจับหน้าบ่อยๆ

วิธีรักษาสิวและจุดด่างดํา

เคยจำได้หรือไม่ว่าแต่ละวันมือของเราไปสัมผัสกับอะไรมาบ้าง และสิ่งเหล่านั้นสะอาดหรือสกปรกมากน้อยเพียงใด มีเชื้อโรคชนิดไหนอยู่บนสิ่งนั้นบ้าง

แล้วเผลอๆ เราก็ยกมือขึ้นมาลูบไล้ไปตามใบหน้า สิ่งต่างๆ อันไม่พึงประสงค์ก็ย่อมตกค้างอยู่บนหน้าเรานั่นเอง และกว่าจะได้ล้างหน้าทำความสะอาดอีกรอบ หากเป็นเชื้อโรคก็คงหมักหมมจนเกิดปัญหาผิวไปก่อนแล้ว

10. กรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี

วิธีรักษาสิวและจุดด่างดํา

นี่เป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่เกี่ยวกับความสวยความงาม ในรูปแบบของการใช้เกล็ดอัญมณีที่ละเอียดอ่อนมาช่วยขจัดเซลล์ผิวชั้นบนออกไป ซึ่งเป็นการผลัดเซลล์ผิวที่ล้ำลึกกว่าการสครับหลายเท่า และไม่สร้างรอยแผลเช่นเดียวกันกับการกรอผิวด้วยเครื่องกรอหรือเลเซอร์อื่นๆ หากผิวมีสิวหรือรูขุมขนอุดตันก็จะถูกจัดการให้หมดไปอย่างง่ายดาย เหลือไว้เพียงผิวหน้าเรียบเนียนชวนสัมผัสเท่านั้นเอง

นี่ก็เป็นเพียง วิธีรักษาสิวและจุดด่างดำ รวมทั้งวิธีป้องกันการอุดตันของรูขุมขนที่อาจก่อให้เกิดปัญหาสิวตามมา และอีกวิธีในการป้องกันสิวก็คือการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลหรือไขมันสูง และอย่าลืมรับประทานผักและผลไม้ให้มาก หลีกเลี่ยงการกินผลิตภัณฑ์จากนมซึ่งอาจเพิ่มโอกาสในการเกิดสิวได้

สุดท้ายนี้ การรักษาเกราะป้องกันผิวของคุณให้แข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งหมายถึงการปกป้องผิวจากมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมด้วย เช่น มลภาวะจากรถยนต์หรือแหล่งอื่นๆ นอกจากนี้ อย่าลืมหมั่นใช้ครีมกันแดดทุกวันหรือตลอดระยะเวลาที่คุณออกกลางแดด ที่สำคัญล้างหน้าให้สะอาดและบำรุงผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดการเกิดปัญหาผิวเหล่านี้ได้


อ้างอิง

https://www.vsquareclinic.com/tips/melasma/

https://www.claireeveryskin.com/testimonials/54/

ไนท์ครีมยี่ห้อไหนดี ? 10 ผลิตภัณฑ์แนะนำ เพราะกลางคืนต่างจากกลางวัน 

ไนท์ครีมยี่ห้อไหนดี ? 10 ผลิตภัณฑ์แนะนำ เพราะกลางคืนต่างจากกลางวัน 

ไนท์ครีมยี่ห้อไหนดี ? การทาครีมบำรุงผิวไม่ใช่ว่าจะเลือกทาแค่ตอนกลางวันหรือกลางคืน เพื่อความงามที่คงทนต้องใช้ทาบำรุงทั้งตอนกลางวันและกลางคืนด้วย เพราะครีมต่างๆ นั้นให้การบำรุงแตกต่างกัน ยิ่งตอนกลางคืนร่างกายได้พักผ่อน ครีมจะได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และวันนี้เรามี 10 ไนท์ครีมที่ควรค่ากับการใช้งานมาฝากกัน จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

1. ESTEE LAUDER ADVANCED NIGHT REPAIR

ไนท์ครีมยี่ห้อไหนดี ESTEE LAUDER ADVANCED NIGHT REPAIR

เป็นสกินแคร์ที่เหมาะกับการบำรุงผิวเวลากลางคืนมากๆ เพราะขายดีเป็นเทน้ำเทท่าตลอดกาล เพราะเพียงใช้แค่หยดเดียว ก็ช่วยทำให้ผิวหนังของเราดูนิ่มนวลอ่อนเยาว์มากขึ้น และยังให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้ตลอดคืนเลยด้วย และตัวนี้ก็สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยและรอยย่นได้ดี แต่ราคาก็แพงไปหน่อย ประมาณ 4,500 บาท

2. ไนท์ครีมยี่ห้อไหนดี CLARINS EXTRA-FIRMING NIGHT CREAM

ไนท์ครีมยี่ห้อไหนดี CLARINS EXTRA-FIRMING NIGHT CREAM

ไนท์ครีมตัวนี้จะช่วยในการกระชับผิวให้อ่อนเยาว์มากขึ้น และร่องริ้วรอยจะค่อยๆ ลดเลือนหายไป ซึ่งจากผิวที่ไม่เรียบเนียนก็จะค่อยสดใสและดูดีขึ้นได้ดีมาก ราคาอยู่ที่ประมาณ 4,000 บาท

3. LANCÔME BLANC EXPERT NEUROWHITE X3 ULTIMATE RENEWING WHITENING NIGHT CREAM

ไนท์ครีมยี่ห้อไหนดี LANCÔME BLANC EXPERT

เป็นครีมที่ช่วยกระชับผิว ถ้ากลางคืนเราเคร่งเครียดกับหลายๆ เรื่อง แล้วไปทำให้หน้าย่นขึ้น ถ้าใช้แล้วตื่นเช้าขึ้นมา ผิวจะสวยไม่โทรม แถมยังมีความขาวกระจ่างใส และยังทำให้ผิวหนังดูเปล่งปลั่งมากขึ้นอีกด้วย ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 4,000 บาท

4. ไนท์ครีมยี่ห้อไหนดี SHISEIDO WHITE LUCENT MULTIBRIGHT NIGHT CREAM

SHISEIDO WHITE LUCENT MULTIBRIGHT NIGHT CREAM

เป็นไนท์ครีมยอดนิยมอีกตัวหนึ่งที่ช่วยบำรุงให้ผิวสว่างกระจ่างสดใส และยังช่วยให้สีผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ ช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้า และใครที่มีรอยสิวเยอะๆ ครีมตัวนี้จะช่วยในการลดร่องรอยต่างๆ บนใบหน้าให้จางลงได้อย่างดีมาก ราคาอยู่ที่ประมาณ 3,000 บาท

5. CLINIQUE TURNAROUND OVERNIGHT REVITALIZING MOISTURIZER

CLINIQUE TURNAROUND OVERNIGHT REVITALIZING MOISTURIZER

มาพบกับไนท์ครีมที่มีมอยส์เจอไรเซอร์เนื้อแน่น ที่เมื่อทาแล้วจะช่วยในการที่ทำให้ผิวดูอิ่มเอิบ มีน้ำมีนวล และยังช่วยทำให้ผิวหนังดูแข็งแรงขึ้น ราคาอยู่ที่ 2,000 บาท

6. ไนท์ครีมยี่ห้อไหนดี BIOTHERM AQUASOURCE NIGHT SPA

ไนท์ครีมยี่ห้อไหนดี BIOTHERM AQUASOURCE NIGHT SPA

ไนท์ครีมที่ช่วยทำให้หน้าเราทำสปากลางคืนได้ เพราะครีมตัวนี้จะช่วยบำรุงผิวตลอดเวลาเราหลับ และยังช่วยเพิ่มเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ช่วยให้ใบหน้าดูสดชื่นสดใส ตัวนี้บอกได้เลยว่าเหมาะมากๆ สำหรับคนที่มีผิวแห้ง ราคาอยู่ที่ประมาณ 1,800 บาท

7. NEUTROGENA HYDRO BOOST NIGHT CONCENTRATE

ไนท์ครีมยี่ห้อไหนดี NEUTROGENA HYDRO BOOST NIGHT CONCENTRATE

เจลสำหรับกลางคืนตัวนี้เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ไม่ชอบความเหนอะหนะ ยิ่งใครที่มีผิวขาดน้ำ หรือแต่งหน้าไม่ค่อยติด รับรองว่าเจลตัวนี้จะไปช่วยฟื้นฟูผิวให้สุขภาพดีแน่นอน ราคาอยู่ที่ประมาณ 820 บาท

8. ไนท์ครีมยี่ห้อไหนดี OLAY WHITE RADIANCE BRIGHTENING NIGHT CREAM

ไนท์ครีมยี่ห้อไหนดี OLAY WHITE RADIANCE BRIGHTENING NIGHT CREAM

นี่คือไนท์ครีมผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถด้านความขาวกระจ่างใสเป็นอย่างมาก เนื้อครีมตัวนี้สามารถซึมเข้าผิวหนังได้ดี ไม่เหนียวเหนอะหนะ และที่สำคัญที่เป็นเอกลักษณ์เลยคือมีกลิ่นหอม ถูกใจหลายคน ราคาอยู่ที่ 549 บาท

9. L’OREAL WHITE PERFECT CLINICAL OVERNIGHT TREATMENT

ไนท์ครีมยี่ห้อไหนดี L’OREAL WHITE PERFECT CLINICAL OVERNIGHT TREATMENT

ไนท์ครีมคุณภาพสวนทางกับราคา กับราคาที่มาแค่ 499 บาท แต่คุณภาพดีสุดๆ ถ้าใครที่จัดหนักมาเมื่อคืนแล้วรู้สึกว่าหน้าหมองคล้ำ ไม่เรียบเนียนเหมือนก่อน ครีมตัวนี้ช่วยได้แน่นอน

10. ไนท์ครีมยี่ห้อไหนดี GARNIER LIGHT COMPLETE NIGHT WHITENING CREAM

ไนท์ครีมยี่ห้อไหนดี GARNIER LIGHT COMPLETE NIGHT WHITENING CREAM

ไนท์ครีมยอดนิยมที่มอบความกระจ่างใส และช่วยมอบความชุ่มชื้นให้ผิวได้อย่างดี คงไม่พ้นเจ้าตัวนี้แน่นอน แถมยังมากับราคาที่ถูกใจสาวๆ โดยราคาอยู่ที่ประมาณ 230 บาท เรียกว่า นี่แหละคุ้มของจริง

 นี่ก็เป็น ไนท์ครีมยี่ห้อไหนดี ? 10 ผลิตภัณฑ์ที่เรานำมาแนะนำกัน ไนท์ครีมเป็นอะไรที่จำเป็นมาก เพราะครีมบำรุงผิวจะเข้มข้นกว่ามอยส์เจอร์ไรเซอร์ปกติ จะช่วยในการบำรุงผิวหน้าอย่างมาก ทำให้ตื่นเช้ามาหน้าอิ่มฟู  ลดอาการหน้าแพ้ครีมเป็นผื่นได้เป็นอย่างดี และอีกเคล็ดลับหนึ่งที่นำมาฝากนั่นคือ วิธีทาครีมที่ถูกต้อง จะต้องทาอย่างไรไปอ่านกัน


วิธีทาครีมที่ถูกต้อง ทำไมใครจึงนิยมใช้ครีมบำรุงผิว และขั้นตอนการทาที่ถูกต้อง

วิธีทาครีมที่ถูกต้อง ทำไมใครจึงนิยมใช้ครีมบำรุงผิว และขั้นตอนการทาที่ถูกต้อง

วิธีทาครีมที่ถูกต้อง ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงนิยมทาครีมบำรุงมือและผิวกายหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ นั่นก็เพราะว่าการทาครีม หรือโลชั่นบำรุงผิว ช่วยให้ผิวที่แห้งเสียได้รับการบำรุง เพราะว่าเมืองไทยเป็นเมืองร้อน ผิวของเราต้องได้รับการดูแล และปกป้องมากขึ้น เพื่อไม่ให้ผิวเสียความชุ่มชื้น และแห้งกร้าน

แต่ว่าสำหรับคนที่มีสุขภาพผิวดีอยู่แล้วก็สามารถทาครีม หโลชั่นบำรุงผิว หรือครีมกันแดด ได้เลย เพราะว่าไม่ข้อเสียใดๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะส่วนสำคัญที่เราต้องทาครีม หรือโลชั่นบำรุงผิว นั่นก็คือบริเวณที่เกิดรอยดำ และผิวแห้งกร้าน ด้านได้ง่ายเช่น หัวเข้า ตาตุ่ม ข้อศอก ซึ่งบริเวณเหล่านี้ควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษกว่าบริเวณอื่นๆ

ในส่วนของครีม หรือโลชั่นบำรุงผิว ในประเทศเรานั้นมีมากมายหลายยี่ห้อให้ได้เลือกใช้ และในบางยี่ห้ออาจจะผสมกลิ่นหอม เพื่อช่วยให้เราได้ผ่อนคลายกับกลิ่นของครีม หรือโลชั่นบำรุงผิว หลังจากที่ท่านอาบน้ำเสร็จเช็ดผิวให้แห้ง และเปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำ จากนั้นลองทาครีม หรือโลชั่นบำรุงผิว รับรองว่า ฟินส์ สุดๆ หรือหากว่าใครอยากได้วิธีทาครีม หรือโลชั่นบำรุงผิว แบบเป็นขั้นตอนอย่างถูกต้อง เราก็ขอนำเสนอ วิธีทาครีมที่ถูกต้อง

การทาครีม หรือโลชั่นบำรุงผิว ในขั้นตอนที่ถูกต้อง

การทาครีม หรือโลชั่นบำรุงผิว ในขั้นตอนที่ถูกต้อง

บริเวณแขน : การทาครีม หรือโลชั่นบำรุงผิวให้เริ่มจากบริเวณมือ และนิ้ว แล้วค่อยๆ ไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงแขน ข้อศอก นวดบริเวณข้อศอกสักครู่ เพราะว่าบริเวณนี้จะด้านได้ง่ายมาก จากนั้นค่อยๆ ไล่ขึ้นไปถึงหัวไหล่ตามลำดับ

บริเวณขา : คล้ายกับการทาบริเวณแขน โดยเริ่มไล่ตั้งแต่นิ้วท้าวขึ้นมาเรื่อยๆ และจุดที่เน้นเป็นพิเศษ คือบริเวณตาตุ่ม ยิ่งใครที่ไม่ค่อยชอบใส่ถุงเท้า มักจะมีตาตุ่มที่ดำด้านได้ง่าย และบริเวณหัวเข้าที่มักจะมีรอยถลอก หรือแผลเป็นจากอุบัติเหตุบ่อยๆ สองส่วนนี้ต้องเน้นเป็นพิเศษ

บริเวณฝ่าเท้า : หลายคนละเลยในส่วนนี้ บอกเลยว่าส่วนนี้สำคัญมาก เพราะนอกจะช่วยลดอาการด้านของฝ่าเท้าได้แล้ว เมื่อเราทาครีม หรือโลชั่นบำรุงผิว แล้วนวดตามไปด้วยเบาๆ จะยังช่วยในเรื่องการไหลเวียนของเลือดได้ดีมาก เพราะเส้นประสาทหลายอย่างของร่างกายจะอยู่บริเวณฝ่าเท้านั่นเอง

รู้กันแล้วใช่ไหมว่าทำเราคนเราถึงนิยมทาครีม หรือโลชั่นบำรุงผิว เพราะว่ามีประโยชน์มากมายขนาดนี้นี่เอง ใครที่ยังไม่เคยทาครีม หรือโลชั่นบำรุงผิว บอกเลยว่าผิวของคุณต้องการการป้องกันอย่างด่วนที่สุด ละหากคุณไม่รู้ว่าควรใช้ครีม หรือโลชั่นบำรุงผิว ชนิดไหน แบบไหน ยี่ห้อไหน สามารถอ่านได้จากหลายบทความที่เราได้แนะนำกันไปแล้วได้เลย


อ้างอิง:

Amazing Benefits Of Using Night Creams : https://www.stylecraze.com/articles/benefits-of-using-night-creams/

วิธีทาครีมตามลำดับขั้นตอนที่ถูกต้อง. https://www.watsons.co.th/blog/th/skincare-tips-th/วิธีทาครีมตามลำดับขั้น

ผิวหน้าไม่เรียบ รูขุมขนกว้าง จัดการอย่างไรดี?

ผิวหน้าไม่เรียบ รูขุมขนกว้าง จัดการอย่างไรดี?

ปัญหา ผิวหน้าไม่เรียบ รูขุมขนกว้างถือเป็นเรื่องที่ไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้นกับใบหน้าของตน แต่บางครั้งก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องหาวิธีจัดการให้ผิวหน้ากลับมาเรียบเนียน ซึ่งวันนี้เรามีเทคนิคการดูแลและบำรุงผิวหน้าให้เรียบเนียนมากฝากกัน รับรองว่าทุกวิธีเด็ดจริง ๆ 


สาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน

ผิวหน้าไม่เรียบ

การที่ผิวหน้าของเราไม่เรียบเนียนมีอยู่ด้วยกันหลายสาเหตุ ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ก็คือ ความเสื่อมของสภาพผิว โดยเฉพาะปริมาณคอลลาเจนและอีลาสตินที่อยู่ใต้ผิวมีปริมาณลดลง เนื่องจากคอลลาเจนและอีลาสตินเป็นตัวที่ปรับสภาพผิวให้มีความแข็งแรง เรียบเนียนและรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิว ดังนั้นเมื่อเซลล์มีปริมาณคอลลาเจนและอีลาสตินลดลง จึงทำให้รูขุมขนกว้าง ผิวหยาบ ไม่เรียบเนียนนั่นเอง ฉะนั้นแล้วใครที่กำลังมองหาวิธีดูแลให้รูขุมขนกว้างเล็กลงมาดูกันว่าต้องทำอย่างไรบ้าง


ทำไมรูขุมขนบนใบหน้าถึงกว้างขึ้น

ผิวหน้าไม่เรียบ

ผิวหน้าที่ไม่เรียบจะสังเกตเห็นชัดก็ต่อเมื่อรูขุมขนบนใบหน้ามีขนาดที่กว้างขึ้น ยิ่งรูขุมขนกว้าง ผิวหน้าก็จะขรุขระมากขึ้น ซึ่งสาเหตุที่ทำให้รูขุมขนบนใบหน้ากว้างมีดังนี้

  1. อายุ เมื่ออายุมากขึ้น ผิวจะมีความเสื่อมมากขึ้นและมีอัตราการสร้างคอลลาเจนกับอีลาสตินใต้ผิวน้อยลง ส่งผลให้รูขุมขนมีการสะสมของน้ำมันและไขมนันมากขึ้น ทำให้รูขุมขนมีขนาดกว้างขึ้นเมื่อายุมากขึ้น ยิ่งอายุมากขึ้นรูขุมขนก็จะกว้างมากขึ้นด้วย
  2. ชนิดของผิว ผู้ที่มีผิวมันและผิวผสมจะมีการสะสมของน้ำมันที่บริเวณรูขุมขนมากกว่ผู้ที่มีผิวธรรมดาหรือผิวแห้ง เมื่อผิวมีน้ำมันมากก็จะเข้าไปสะสมอยู่ที่บริเวณรูขุมขนมากขึ้น ทำให้รูขุมขนเกิดการขยายตัวและมีขนาดกว้างขึ้น 
  3. พันธุกรรม จากการสำรวจพบว่าผู้ที่คนในครอบครัวมีรูขุมขนกว้างจะมีลักษณะรูขุมขนที่กว้างตามไปด้วย ซึ่งรูขุมขนกว้างที่เกิดจากพันธุกรรมจะสังเกตเห็นได้ตั้งแต่เด็กหรือช่วงที่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่น เรียกได้ว่าเป็นสาเหตุที่สามารถสังเกตเห็นได้เร็วที่สุด 
  4. การดูแลผิวที่ผิด ปัญหาผิวมีอยู่ด้วยกันหลายอย่าง โดยเฉพาะปัญหาสิวเป็นสาเหตุที่ทำให้รูขุมขนกว้างได้ง่าย เพราะเวลาที่เกิดสิว หากทำการบีบ กดหรือแกะสิวจะทำให้รูขุมขนเกิดการอักเสบและมีขนาดที่กว้างขึ้น นอกจากนี้การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่ไม่เหมาะสมหรือทำตามขั้นตอนการทาสกินแคร์ที่ผิด ก็อาจทำให้มีความมันตกค้างอยู่บนผิวหน้ามากก็จะทำให้รูขุมขนกว้างขึ้นได้เช่นกัน

จะเห็นว่าสาเหตุที่ทำให้รูขุมขนกว้างสามารถเกิดขึ้นอยู่ได้ตลอดเวลา เมื่อรูขุมขนกว้างก็จะทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน ส่งผลให้สูญเสียความมั่นใจได้ 


7 วิธีบำรุงผิวหน้าให้เรียบเนียน

ผิวหน้าไม่เรียบ

ปัญหาผิวหน้าไม่เรียบ รูขุมขนกว้างสามารถแก้ไขได้ด้วยการบำรุงผิวหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการบำรุงผิวหน้าให้เรียบเนียนมีวิธีดังนี้

  1. ดูแลผิวหน้าให้สะอาด ความสะอาดของผิวหน้ามีความสำคัญมาก เพราะผิวหน้าที่ไม่สะอาดจะทำให้มีการสะสมสิ่งสกปรก ไขมันและน้ำมันในรูขุมขนมากขึ้น ทำให้เกิดสิวซึ่งเป็นสาเหตุของรูขุมขนกว้าง ดังนั้นควรเลือกการใช้คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสําอางและล้างหน้าให้สะอาดทุกครั้ง หลังจากแต่งหน้าและก่อนนอน
  2. บำรุงด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวหน้า แต่ละคนมีผิวหน้าที่ต่างกันออกไป ดังนั้นควรเลือกใช้ครีมบำรุงผิวที่เหมาะกับสภาพผิวของตนเอง โดยเฉพาะคนที่มีผิวมันและผิวผสมที่มีปริมาณน้ำมันบนผิวมากกว่าผิวชนิดอื่น จะต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวโดยเฉพาะ เพื่อลดปริมาณน้ำมันบนผิวให้เหมาะสม ลดการสะสมของน้ำมันบนใบหน้าและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เน้นกระชับรูขุมขน สำหรับคนที่มีรูขุมขนกว้าง
  3. ขัดผิว การขัดผิวด้วยสครับหรือผลิตล้างหน้าที่มีสครับเป็นประจำจะช่วยขัดสิ่งสกปรกตกค้างที่อยู่บนผิวให้ออกไป และช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ทำให้รูขุมขนกระชับ ในการล้างหน้าสครับหรือการสครับผิวจะต้องทำด้วยความเบามือ โดยการหมุนวนเป็นวงกลมไปเล็ก ๆ ไปจนรอบผิวหน้า ห้ามขัดด้วยความรุนแรง เพราะจะทำให้ผิวหน้าอักเสบแดงและเป็นรอยแผลได้ 
  4. มาส์กหน้า การมาส์กหน้าอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง โดยเลือกมาส์กชนิดที่เสริมความชุ่มชื้นและดูดซึมไขมันส่วนเกิน ซึ่งการมาส์กหน้าจะช่วยดูดไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ในรูขุมขนแบบล้ำลึกที่การล้างหน้าธรรมดาไม่สามารถขจัดออกได้ ให้ออกมาจากรูขุมขน ทำให้รูขุมขนสะอาดและกระชับ โดยมาส์กหน้าที่นิยมใช้กระชับรูขุมขนคือ มาส์กแบบโคลนที่สามารถดูดซึมไขมันได้ดีมาก
  5. เสริมคอลลาเจน การที่คอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวมีปริมาณลดลงทำให้รูขุมขนมีขนาดที่กว้างขึ้น ดังนั้นเพื่อปรับขนาดรูขุมขนให้เล็กลงและปรับสภาพผิวหน้าให้เรียบ เนียน นุ่ม เปล่งปลั่งจะต้องเสริมปริมาณคอลลาเจนลีลาสตินให้กับผิว ด้วยการเลือกอาหารประเภทโปรตีน ผักผลไม้ เช่น ถั่ว ผักผลไม้สีแดง ปลาทะเลน้ำลึก เป็นต้น 
  6. ดื่มน้ำมากๆ เซลล์มีส่วนประกอบของน้ำมากถึง 80% โดยเฉพาะเซลล์ผิวหน้าและเซลล์รูขุมขน หากร่างกายขาดน้ำ เซลล์ผิวจะแห้ง หยาบกระด้างและทำให้รูขุมขนกว้างขึ้น ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อย 2 ลิตรต่อวัน เพื่อไม่ให้เซลล์เกิดภาวะขาดน้ำ ซึ่งจะทำให้ผิวชุ่มชื้นและรูขุมขนเล็กลง
  7. นอนพักให้เพียงพอ ถึงแม้ว่าเราจะบำรุงผิวมากแค่ไหน หากร่างกายได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ สิ่งที่บำรุงเข้าไปไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารเพื่อเสริมสารอาหารและคอลลาเจน การทาครีม การบำรุงผิวต่างๆ ก็จะไม่ทำให้ผิวเนียนได้ เพราะร่างกายไม่สามารถซ่อมแซมเซลล์ผิวให้กลับมาแข็งแรงได้ ดังนั้นเราจะต้องพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อร่างกายจะได้ทำการซ่อมแซมเซลล์ในช่วงที่เรานอนได้อย่างเต็มที่นั่นเอง 

จะเห็นว่าการบำรุงผิวให้เรียบเนียนนั้นง่ายมาก แต่ถ้าเราไม่สามารถหาสารอาหารให้เพียงพอ โดยเฉพาะคอลลาเจนที่ช่วยให้ผิวเนียนและแข็งแรงมากขึ้น ควรหาอาหารเสริมคอลลาเจนมารับประทานร่วมด้วย เพียงเท่านี้ผิวเรียบเนียนก็จะมาอยู่บนใบหน้าของคุณแล้ว


ที่มา

https://hellokhunmor.com/

https://theskin.co.th/article/uneven-skin-tone-wide-pores-how-to-fix-it/

ผิวไหม้ใช้อะไรดี 10 วิธีรักษาจากประสบการณ์จริง ไม่อิงนิยาย

ผิวไหม้ใช้อะไรดี 10 วิธีรักษาจากประสบการณ์จริง ไม่อิงนิยาย

ผิวไหม้ใช้อะไรดี 10 วิธีรักษาจากประสบการณ์จริง ไม่อิงนิยาย หน้าไหม้ เรื่องร้ายๆ ที่ใครก็ไม่อยากเจอ ไม่ว่าจะไหม้ด้วย แสงแดด ครีมเถื่อน หรือมลภาวะเป็นพิษ สิ่งต่างๆ เหล่านี้กลายเป็นปัญหาคู่กับสาวๆ มาหลายยุคหลายสมัย แล้วเราจะทำอย่างไร ให้อาการหน้าไหม้หายไป รักษาอย่างไรดี วันนี้เรามีคำตอบ 

1. ประคบผิวด้วยน้ำเย็น

ผิวไหม้ใช้อะไรดี

หากว่าผิวของเราถูกเผาจากแสงแดด วิธีง่ายในการรักษาคือการประคบผิวด้วยน้ำเย็น เพียงแค่เอาผ้ามาชุบน้ำเย็นแล้วประคบให้ทั่วใบหน้า เพื่อปรับอุณหภูมิผิวหน้าให้กลับมาสดชื่นอีกครั้ง ตามด้วยการใช้ครีมบำรุงหน้าแห้ง เพื่อสร้างสมดุลให้ผิวง่ายๆ ทำให้ใบหน้าชุ่มชื้นและได้ผลจริง

2.ว่านหางจระเข้

ผิวไหม้ใช้อะไรดี

ว่านหางจระเข้ ถือว่าเป็นสมุนไพรครอบจักรวาล ช่วยได้หลายอย่างทั้งบรรเทาอาการปวด ลดการอักเสบ ช่วยฟื้นฟูหน้าแพ้สารเคมี และยังช่วยรักษาอาการหน้าไหม้ได้อีกด้วย ผิวหน้าไหม้แดด เพียงนำว่านหางจระเข้มาปอกเปลือก

จากนั้นก็ล้างให้สะอาด นำเฉพาะส่วนที่เป็นเมือกใสๆ มาบด นำมาทาผิวหน้าได้ ทาตอนไหนก็ได้ หรือใครที่คิดว่ามันยุ่งยากก็สามารถหาซื้อพวกเจลว่านหางจระเข้สำเร็จรูปได้เลย มีขายทั่วไป หาง่าย ตามร้านสะดวกซื้อ 7 – 11 ก็มีมากมายหลายยี่ห้อ ที่สำคัญมีราคาไม่แพงมาก

3. โยเกิร์ต

ผิวไหม้ใช้อะไรดี

นอกจากมีรสชาติที่อร่อยล้ำ ที่สำคัญยังสามารถเอาบำรุงผิวได้อย่างดีเว่อร์ เพียงเอาโยเกิร์ตรสธรรมชาติ มาพอกหน้าทิ้งไว้ 10-15 นาที จนแห้ง แล้วล้างออกเพียงแค่นี้ก็ดีต่อผิวแล้ว ขอแนะนำว่าควรเอาโยเกิร์ตไปแช่ตู้เย็นก่อนนะ เพื่อความฟินจะได้คูณ 2

4. แตงกวา

ผิวไหม้ใช้อะไรดี

เคยเห็นในหนังในละครกันมาเยอะ ที่บรรดาเหล่าผู้หญิงจะนำมาวางแปะลงบนใบหน้า เพียงแค่เอามาฝานเป็นแผ่นบางๆ แล้วเอามาวางบนใบหน้าเหมือนอย่างในละครนั้นแหละ ช่วยได้เยอะเลย วางไว้ประมาณ 20 นาที แต่หลายคนไม่ค่อยทำ เพราะว่าต้องนอนเฉยเลยรู้สึกเบื่อ แต่ถ้าอยากสวยมันต้องอดทนกันนิดหนึ่ง

5. งดใช้สบู่หรือโฟมล้างหน้า

ผิวไหม้ใช้อะไรดี

ระหว่างที่ผิวของคุณไหม้หรือมีอการแพ้ครีมเกิดขึ้น คุณต้องรักษาอาการต่างๆ ให้หายดีก่อน เพราะว่าการใช้สบู่หรือโฟมล้างหน้า อาจทำให้เกิดอาการผิวกำเริบอักเสบ เพราะสิ่งเหล่านี้จะยิ่งทำให้หน้าแห้งมากขึ้นกว่าปกติ และในช่วงนี้ผิวของเราจะแพ้ง่ายมาก 

ในสบู่หรือโฟมล้างหน้าอาจมีสารบางตัวที่ทำให้ผิวขอองเราแพ้มากกว่าเดิม การรักษาหน้าแพ้ครีมเป็นผื่นหรือหน้าไหม้ ใช้หน้าเปล่าล้างหน้าเพียงอย่างเดียวก็พอ น้ำเปล่านี่แหละดีต่อผิวมากที่สุดแล้ว

6. งดใช้เครื่องสำอาง

ผิวไหม้ใช้อะไรดี

ไม่เว้นแม้กระทั่งเครื่องสำอางทุกชนิด เพราะว่าอาจจะทำให้เกิดอาการแพ้มากขึ้น ช่วงนี้ใครไม่มั่นใจหน้าสด ก็งดออกจากบ้านไปก่อน รอผิวกลับมาคืนสภาพเมื่อไหร่ก็ยังไม่สายเกินไปที่จะออกไปอวดความสวย

7. ดื่มน้ำเยอะๆ

ผิวไหม้ใช้อะไรดี

การดื่มน้ำช่วยร่างกายเกิดการสมดุลในทุกสัดส่วน และจะยิ่งช่วยได้มากเมื่อเกิดอาหารผิวหน้าไหม้ เพราะว่าน้ำจะช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง คืนความชุ่มชื้นให้ผิวบริเวณที่ไหม้

8. นมสด

ผิวไหม้ใช้อะไรดี

พูดถึงนมสดแล้วต้องนึกถึงรสชาติที่หอมหวาน ยิ่งเป็นนมอุ่นดื่มกี่ทีก็อร่อย แต่วันนี้เราจะไม่มาพูดถึงเรื่องกานกินนมสด แต่เราจะเอานมสดมารักษาอาการหน้าไหม้

เพียงแค่เอานมสดแช่ตู้เย็น แล้วนำผ้าสะอาดมาชุบประคบ หรือว่าโปะลงบนใบหน้า ผิวหน้าที่ไหม้แดดจะกลับมาเนียนนุ่มเปล่งปลั่งอีกครั้ง เพียงปล่อยเอาไว้สัก 5-10 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด แถมยังช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสียออกไปด้วย

9. ถุงชาเขียว

ผิวไหม้ใช้อะไรดี

ชาเขียวนอกจากจะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยสมดุลของร่างกายแล้ว การนำถุงชาเขียวที่ใช้แล้วมาแช่ตู้เย็น แล้วนำมาประคบบริเวณผิวหน้าที่ไหม้แดด จะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวได้อย่างรวดเร็ว ลดอาการหน้าไหม้แดด คืนความชุ่มชื้นสู่ผิวอีกครั้ง

10. น้ำผึ้ง

ผิวไหม้ใช้อะไรดี

นำน้ำผึ้งมาทาไว้ทั่วใบหน้าโดยเฉพาะบริเวณที่ลอกหรือไหม้ น้ำผึ้งจะช่วยฟื้นฟูทำให้เซลล์ผิวที่ถูกทำลายกลับมาสดใส ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้น เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลขึ้น และยังช่วยสมานผิว แถมยังทำให้หน้าชุ่มชื่นอีกด้วย

วิธีเหล่านี้อาจช่วยป้องกันผิวที่ไหม้แดดและคล้ำเสียจากแดดได้ แต่ทางที่ดีเมื่อต้องออกแดด ควรป้องกันผิวสัมผัสแดดด้วยการใส่เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ปกปิดผิว และควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่าป้องกันแสงแดด (SPF) ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป จึงจะสามารถป้องกันได้ทั้งรังสียูวีเอ (UVA) และยูวีบี (UVB)


แพ้ครีมหน้าไหม้ รักษาได้ใน 2 สัปดาห์

ผิวไหม้ใช้อะไรดี

อาการหน้าไหม้ที่เกิดได้จากอีกสาเหตุหนึ่งก็คือ การแพ้ครีมหรือมีผิวที่แห้งมาก แต่สามารถรักษาให้หายได้ใน 2 สัปดาห์ ปัญหาของสาวๆ ทั่วโลก ยิ่งในปัจจุบันมีครีมออกมาเยอะมาก มากจนเลือกไม่ไหวใช้ไม่ถูก ผลที่ได้นอกจากความสวยใสจะไม่ใช่อย่างใจปรารถนาแล้ว ยังหน้าไหม้ หน้าพัง ผิวหนังชำรุด จนอาจหยุดไม่อยู่ แต่เดี๋ยวก่อนวันนี้เราจะมาบอกวิธีแก้หน้าไหม้ หน้าพัง แพ้ครีมและรักษาได้ใน 2 สัปดาห์

อาการแพ้ครีม

ผิวไหม้ใช้อะไรดี

หลายคนเกิดอาการแพ้ครีมที่ใช้ เนื่องจากครีมที่ใช้ไม่ได้คุณภาพ ไม่มี อย. ครีมเถื่อน หรือบางครั้งอาจเป็นเพราะผิวของเราไม่ถูกกับสารประกอบในตัวครีม โดยให้เราสังเกตผิวของตัวเอง หากว่ามีอาการแพ้จะมีผลเช่นนี้

  1. มีผดผื่นขึ้น ผดนั้นจะมีลักษณะเป็นสิวเม็ดเล็กๆ สีแดงๆ คล้ายผื่นปกติทั่วไป แสดงว่าเริ่มเกิดอาการแพ้แล้ว
  2. ลายครั้งอาจจะมีอาการอักเสบ และเป็นหนอง เห่อแดง บางครั้งมีอาการปวดร่วมด้วย

รักษาอาการแพ้ครีมโดยการหยุดทุกอย่าง

เมื่อเรารู้ตัวว่าเกิดอาการแพ้แล้ว อย่างแรกที่ต้องทำคือการหยุดใช้ครีมทุกอย่าง ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด หรือน้ำเกลือ หยุดใช้แม้กระทั่งครีมกันแดด โฟมล้างหน้า หรือพวกมาส์กหน้า และงดการแต่งหน้า

เพราะผิวจะยิ่งแห้ง และเกิดสิวได้ง่าย ห้ามแคะ แกะ เกา เพราะว่าอาจทำให้เกิดการอักเสบ หากว่าอยากใช้ก็สามารถทาได้เพียงแค่พวกมอยส์เจอไรส์เซอร์เพื่อไม่ให้ผิวแห้งเท่านั้น แต่ที่อยากแนะนำคือหยุดใช้ไปเลยทุกอย่างจะดีที่สุด เพราะว่าสารบางตัวในมอยเจอร์ อาจจะไปยับยั้งการรักษาให้หายช้าลง ลองนำวิธีเหล่านี้ไปใช้ดู หากผิวหน้าของใครที่กำลังเกิดอาการแพ้ต่างๆ รับรองว่าสามารถช่วยได้ ผิวหน้าจะกลับมาสดใสเช่นเดิมเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น


อ้างอิง

http://acnedefend.in.th/exp-allergy-weeks.html

https://acnejung.com/915/วิธีรักษาหน้าไหม้แดด/