Author

wtbiz5

Browsing

อายครีมตัวไหนดี 15 ตัวท็อปสำหรับสาวๆ ทุกคน

อายครีมตัวไหนดี 15 ตัวท็อปสำหรับสาวๆ ทุกคน

สาวๆ หลายคนคงเคยประสบปัญหาที่ว่า ตาคล้ำ ตาดำ ตาแพนด้า อะไรต่างๆ นานา จะใช้ อายครีมตัวไหนดี แต่วันนี้จะบอกว่ามีสุดยอดอายครีมที่บอกได้เลยว่า สาวๆ จะต้องชอบอย่างแน่นอน เพราะสามารถกลบเกลื่อนรอยคล้ำ ด่างดำได้เป็นอย่างดี และยังทำให้ตาดูวิ้งๆ ปิ๊งๆ มากขึ้นอีกด้วย มาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

1. LA MER THE EYE BALM INTENSE

อายครีมตัวไหนดี

มากับตัวแรก ที่เป็นอายครีมที่มีความบางเบามากๆ แน่นอนว่าของลาแมร์ เมื่อใช้แล้วจะทำให้ผิวหนังดูชุ่มชื้น ดูมีความเป็นธรรมชาติ และตัวนี้สามารถใช้ได้กับผิวทุกประเภท ประโยชน์ของมันคือ สามารถช่วยลดรอยคล้ำใต้ตาลงไปได้ ให้ความนุ่มนวลกับผิวได้ดี และในกล่องที่แนบมาก็จะมีอุปกรณ์ที่เรียกว่า “ซิลเวอร์ แอพพลิเคเตอร์” มาให้ด้วย ซึ่งก็จะช่วยทำให้เนื้อครีมสามารถซึมลึกเข้าไปสู่เนื้อผิวได้ดีกว่ามือเปล่า ราคาอยู่ที่ประมาณ 8,500 บาท 

2. ARCONA EYE DEW

อายครีมตัวไหนดี

ชื่อแปลกๆ ไม่คุ้นหู แต่แน่นอนว่ายุโรป และอเมริกา รวมทั้งหลายๆ ประเทศจะต้องคุ้นชินกับแบรนด์นี้แน่นอน โดยเฉพาะตัวนี้แหละ เพราะว่าเป็นครีมที่สามารถลดรอยให้ผิวตาได้ดี ซึ่งมีสารสกัดหลากหลายชนิดที่ผสมอยู่ในครีมนี้ จึงทำให้เป็นการบำรุงรอบดวงตาที่เหมือนได้ไปทำสปาเลยทีเดียว ราคาอยู่ที่ 1,400 บาท

3. ENDOCARE EYE & LIP CONTOUR

อายครีมตัวไหนดี

มากับตัวที่เรียกว่าคุ้มค่ามากๆ เพราะตัวนี้ประกอบไปด้วย 2 การทำงานในขวดเดียว โดยสามารถใช้ทั้งรอบดวงตาและที่ริมฝีปากก็ได้ ซึ่งตัวนี้ก็เป็นเซรั่มหอยทากที่สกัดมาได้อย่างเข้มข้น และได้ผสมลงไปในเนื้อครีม ซึ่งทำออกมาได้บางเบา น่าใช้มาก ประโยชน์คือมีส่วนช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระได้ และช่วยลดอาการอักเสบ ช่วยในการฟื้นฟูผิว เรียกว่าตัวนี้ดีมากๆ กับราคา 1,500 บาท

4. BOBBI BROWN EYE REPAIR CREAM

อายครีมตัวไหนดี

นี่คืออายครีม ที่ได้สกัดมาจากน้ำมันธรรมชาติพิเศษจากผลอะโวคาโด ซึ่งตัวนี้สามารถใช้ทารองพื้นก่อนทาคอนซีลเลอร์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งก็จะช่วยให้การทาครีมดูเรียบเนียนขึ้น ไม่เป็นขุย ไม่หนา ไม่โบ๊ะ เหมือนอายครีมตัวอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของสารสกัดจากว่านหางจระเข้ ซึ่งก็จะเป็นส่วนช่วยในการบำรุงผิว ให้สวยใสเรียบเนียนยิ่งๆ ขึ้นไป ราคาอยู่ที่ 1,900 บาท

5. SKII SKIN SIGNATURE EYE CREAM

อายครีมตัวไหนดี

ตัวนี้เป็นอายครีมที่มีส่วนผสมเข้มข้นพิเศษจากพิเทร่าและโอลิไวทิล ซึ่งมีส่วนช่วยอย่างมากในการลดความหมองคลํ้าให้ขอบตา ปรับเปลี่ยนสีผิวรอบตาที่ไม่เท่ากัน ให้สม่ำเสมอกัน และยังช่วยในการบำรุงริ้วรอยต่างๆ ได้ด้วย ซึ่งอายครีมตัวนี้ก็จะเหมาะกันกับสาวผิวแห้งมากกว่า เพราะตัวเนื้อครีมมีความมันและเหลวพอสมควร ราคาอยู่ที่ 3,510 บาท

6. KIEHL’S CREAMY EYE TREATMENT WITH AVOCADO

อายครีมตัวไหนดี

สำหรับเจ้าอายครีมตัวนี้จะไม่ได้ไปเน้นการบำรุงเรื่องของการลดริ้วรอย แต่จะเป็นตัวช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนังมากกว่า เพราะตัวครีมได้สารสกัดจากอะโวคาโด ซึ่งก็สามารถซึมเข้าผิวได้เร็วมากๆ ทาไปเพียงแต่ไม่กี่วินาที ครีมก็สามารถซึมลงสู่ผิวไปหมดแล้ว โดยเทคนิคการใช้ครีมชนิดนี้คือ จะต้องบีบครีมลงบนมือ และทาวนในมือให้ละเอียดเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยทาลงสู่ผิวตา เพื่อการซึมเข้าผิวหนังที่ดีที่สุด ราคาอยู่ที่ 1,400 บาท

7. EMBRYOLISSE SOIN LISSANT CONTOUR DES YEUX

อายครีมตัวไหนดี

นี่เป็นผลิตภัณฑ์จากดินแดนแห่งน้ำหอม ประเทศฝรั่งเศสนั่นเอง ซึ่งนี่ก็เป็นอายครีมที่ช่างแต่งหน้าชั้นนำทั่วโลกนิยมใช้เป็นอย่างมาก จะมีส่วนช่วยในการลดรอบเหี่ยวย่น รอยตีนกาที่ใบหน้า ทำให้เหมาะกับสาวรุ่นใหญ่ แต่สาวรุ่นเล็กที่มีปัญหาก็ใช้ได้เช่นกัน ทั้งยังช่วยลดถึงใต้ตาอีกด้วย ราคาอยู่ที่ 1,350 บาท

8. ORIGINS GINZINGTM REFRESHING EYE CREAM

อายครีมตัวไหนดี

หากถามว่า อายครีมตัวไหนดี  ขอแนะนำอายครีมที่เห็นผลไว ตัวนี้เพราะหลังจากใช้งานเพียงไม่กี่วินาทีก็สามารถรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงได้เลย เพราะมีส่วนผสมของสมุนไพรอย่างโสมและสารสกัดจากส้ม ที่มีส่วนช่วยในการฟื้นฟูผิวให้เต่งตึง กระชับ ดูมีชีวิตชีวา และยังช่วยปรับความเรียบเนียนของผิวให้ดีขึ้น ราคาอยู่ที่ 1,500 บาท

9. BORGHESE FLUIDO PROTETTIVO ADVANCED SPA LIFT FOR EYES

อายครีมตัวไหนดี

นี่เป็นเจลอายครีมที่มีเนื้อที่ทั้งบาง ทั้งเบามากๆ แถมยังมีกลิ่นที่ไม่แรงจนเกินไป ทำให้ทาแล้วไม่เกิดผลข้างเคียงแน่นอน ทำให้เหมาะสำหรับสาวผิวบาง แพ้ผิวง่าย โดยตัวนี้เป็นตัวหนึ่งที่มีราคาที่สูงพอสมควร แต่ก็คุ้มค่ามากๆ ถึงขนาด Blogger เครื่องสำอางของต่างประเทศก็ได้รีวิวและบอกเลยว่าดีจริงๆ ราคาอยู่ที่ 2,000 บาท

10. CLARINS DEFINING EYE LIFT

อายครีมตัวไหนดี

มากับอายครีมที่จะมาช่วยในการทำให้เลือดบริเวณใต้ตาไหลเวียนได้ดีขึ้น ช่วยทำให้ผิวสามารถฟื้นฟูได้ไวขึ้น โดยตัวอายครีมจะเป็นเนื้อเจล สีน้ำตาลอ่อนๆ คล้ายเซรั่ม ทำให้ไม่มีความเหนียวเหนอะหนะเหมือนครีมธรรมดา มีกลิ่นหอมนิดๆ พอให้ได้กลิ่น ราคาอยู่ที่ 2,150 บาท

11. DERMALOGICA AGE REVERSAL EYE COMPLEX

อายครีมตัวไหนดี

มาแปลกกับอายครีมตัวนี้ เพราะตัวนี้แนะนำว่าให้ใช้แค่วันละครั้งก็พอ โดยอาจจะเลือกเวลาใดเวลาหนึ่งของวันแค่ครั้งเดียว โดยอายครีมตัวนี้มีคุณสมบัติที่สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นของผิว และช่วยบำรุงให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น เนื้อครีมเป็นลักษณะ ขาวๆ ขุ่นๆ แน่นอนว่าต้องวอร์มก่อนทา เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ราคาอยู่ที่ 2,700 บาท

12. CLINIQUE ALL ABOUT EYES SERUM

อายครีมตัวไหนดี

สำหรับอายครีมตัวนี้มาในรูปแบบของลูกกลิ้ง แนะนำว่าใช้นำไปแช่ตู้เย็น จากนั้นจึงนำมาทาที่ขอบตา จะให้ความรู้สึกที่สดชื่นมากๆ ซึ่งก็จะทำให้ผิวดูเรียบเนียน และผ่อนคลายมากขึ้น โดยจะอยู่ในรูปของเซรั่มใสๆ บางๆ จะนำไปใช้ตอนไหนก็ได้ ไม่เลอะเทอะผิวแน่นอน ราคาอยู่ที่ 1,500 บาท

13. SHISEIDO IBUKI EYE CORRECTING CREAM

อายครีมตัวไหนดี

มากับอายครีมอีกตัวที่มีเนื้อครีมที่ไม่ค่อยเข้มข้นเท่าไรนัก แต่มีความยืดหยุ่นสูงมากทีเดียว โดยเนื้อครีมจะมีสีคล้ายสีพีช มีความนุ่ม ลื่นๆ ละมุนสุดๆ มีกลิ่นน้ำหอมเล็กๆ ให้พอได้กลิ่น เนื้อครีมสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ไวมาก เทคนิคคือ ใช้ทาที่เปลือกตาด้านบน และทาที่หางตา เพราะนั่นเป็นจุดที่จะเกิดริ้วรอบได้ง่ายมากๆ ราคาอยู่ที่ 1,250 บาท

14. BENEFIT IT’S POTENT EYE CREAM

อายครีมตัวไหนดี

อาจจะแปลกๆ หน่อยกับอายครีมตัวนี้ เพราะว่าจะมีกลิ่นยาติดมากับตัวครีมด้วย แต่ถ้าได้ใช้แล้วรับรองว่าผิดคาดแน่นอน เพราะสามารถให้ความชุ่มชื้นที่ดวงตาได้ดี โดยตัวเนื้อครีมจะหนักไปทางรองพื้นโทนหนัก ซึ่งก็สามารถเคลือบผิวได้ดีมากที่เดียว เหมาะสำหรับคนที่มีผิวหนังที่แห้ง เพราะสามารถปรับให้ดูชุ่มชื้น เรียบเนียนขึ้นมาได้ ราคาอยู่ที่ 1,300 บาท

15. ESTEE LAUDER ADVANCED NIGHT REPAIR 

อายครีมตัวไหนดี

ตัวสุดท้ายเป็นอายครีมที่มีเนื้อข้นมากๆ ซึ่งก็จะซึมเข้าผิวนานหน่อย แต่รับรองว่าเวิร์คแน่นอน เพราะสามารถลดรอยที่หางตาได้ดี ปรับผิวตาให้ดูเรียบเนียน สม่ำเสมอ แต่ตัวนี้จะนิยมใช้ตอนกลางคืนมากกว่า เพราะจะให้ความรู้สึกที่เหนอะหนะ และมันไปหน่อย ราคาอยู่ที่ 2,600 บาท หรือใครที่มองว่าแบรนด์ต่างประเทศมีราคาที่ค้อนข้างสูง คุณอาจสนใจ ครีมแบรนด์ไทยช่วยผิวสวย ราคาย่อมเยาเหมาะกับคนไทยโดยเฉพาะ


5 มอยส์เจอร์ไรเซอร์ ทาหน้าขาวใสโดยเฉพาะ

อายครีมตัวไหนดี

5 มอยส์เจอร์ไรเซอร์ ทาหน้าขาวใสโดยเฉพาะ นอกจากหาอายครีมตัวไหนดี บำรุงแต่รอยหมองคล้ำใต้ตาอย่างเดียวจนลืมบำรุงผิวหน้าด้วยนะ ที่สำคัญก่อนลงสกินแคร์ก็อย่าลืมทำตามขั้นตอนการทาสกินแคร์รูทีนที่ถูกต้องเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้ได้ผลดีที่สุดด้วย วันนี้จึงมี 5 มอยส์เจอร์ไรเซอร์ ทาหน้าขาวใสโดยเฉพาะ มาฝากกัน มีอะไรบ้างไปดูเลย  

1. LA ROCHE-POSAY EFFACLAR DUO +

อายครีมตัวไหนดี

นี่เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่จะมาช่วยในการบำรุงผิวหน้าให้ดูสดใสขึ้น ช่วยลดสิวอุดตันได้ ลดรอยดำรอยแดง และช่วยไม่ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน โดยตัวนี้จะเหมาะมากๆ สำหรับคนที่มีผิวหน้าที่มัน ราคาอยู่ที่ 900 บาทเท่านั้น คุ้มสุดๆ

2. HADA LABO SUPER HYALURONIC ACID MOISTURIZING LOTION

อายครีมตัวไหนดี

มากับโลชั่นเนื้อบางเบา ที่เป็นคล้ายเจลใสๆ โดยโลชั่นตัวนี้จะให้ความชุ่มชื้น และช่วยเติมเต็มผิวหน้าให้ดูกระจ่างใสขึ้น และยังไม่ทำให้เกิดคราบ และอาการเหนียวเหนอะหนะอีกด้วย ซึ่ง Hada labo เองก็ได้ทำผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสกินแคร์อยู่เยอะเหมือนกัน ลองไปหาดูกันได้ส่วนราคาตัวนี้อยู่ที่ 495 บาท

3. NATURE REPUBLIC ALOE VERA 92 SOOTHING GEL

อายครีมตัวไหนดี

นี่เป็นเจลที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น ซึ่งได้ทำมาจากว่างหางจระเข้ ที่สำหรับเมืองไทยมันคือสมุนไพรชนิดหนึ่งที่สามารถรักษาแล้วช่วยแก้ไขอาการได้เยอะมาก โดยคุณสมบัติของเจล ตัวนี้คือ ซึมเข้าสู่ผิวได้เร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ สามารถทาได้ทั้งผิวกายและใบหน้า จะนำมาทาหน้า หรือพอกหน้าก็ได้ เหมาะสำหรับคนที่ชอบลุยๆ ไปผ่านอะไรมาเยอะแล้วก็มาจบที่ตัวนี้ โดยราคาอยู่ที่ 290 บาท

4. NEUTROGENA HYDRO BOOST WATER GEL

อายครีมตัวไหนดี

มากับเจลที่ช่วยในการเพิ่มเติมความชุ่มชื้นให้ผิว และยังช่วยกักเก็บน้ำให้ผิวได้อีกด้วย ตัวนี้เป็นเจลที่หลายคนใช้แล้วชอบมากๆ ถึงกับบอกต่อกันเลยทีเดียว ซึ่งการทำงานของมันคือ จะไปเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ซึ่งถ้าผิวมีความชุ่มชื่นที่มากพอ ก็จะทำให้ความมันที่มีอยู่ลดน้อยลงได้ และคุณสมบัติที่น่าสนใจของตัวนี้คือ สามารถซึมซับเข้าสู่ผิวได้เร็ว รับรองว่าต้องชอบกันแน่นอน ราคาอยู่ที่ 499 บาท

5. GARNIER DARK SPOT CORRECTOR SERUM

อายครีมตัวไหนดี

ตัวนี้ก็เป็นเซรั่มที่สามารถแก้ปัญหาจุดด่างดำที่อยู่บนใบหน้า ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียน ขาวกระจ่างใสได้ โดยตัวนี้สามารถทาได้ทั้งตอนเช้าและตอนเย็น คือไม่จำกัดเวลาทา แล้วความสะดวกเลย ซึ่งตัวนี้ก็สามารถไปวัดกับรุ่นพี่ตัวแรกอย่าง La Roche Posay Effaclar Duo+ ได้สบายๆ แต่ตัวนี้จะเป็นเวอร์ชั่นราคาประหยัด ยังไงก็ไปลองใช้กันดู ราคาอยู่ที่ 299 บาท


อ้างอิง

The 15 Very Best Eye Creams. https://nymag.com/strategist/article/best-eye-creams.html

10 แบรนด์เครื่องสำอาง แบรนด์ดังที่คนไทยนิยมมากที่สุด

10 แบรนด์เครื่องสำอาง แบรนด์ดังที่คนไทยนิยมมากที่สุด

ไม่มีใครไม่รู้จักเครื่องสำอางกันแน่นอน เพราะปัจจุบันได้มีการใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ใครจะรู้ล่ะว่ากว่าจะมาเป็นแบรนด์เครื่องสำอางสักแบรนด์ต้องผ่านอะไรมาบ้าง วันนี้จึงมี 10 แบรนด์เครื่องสำอาง แบรนด์ดังที่คนไทยนิยมมากที่สุด มาฝากกัน เชื่อได้เลยว่าสาวๆ ต้องมีเครื่องสำอางของแบรนด์เหล่านี้อย่างแน่นอน

1. L’OREAL

แบรนด์เครื่องสำอาง

นี่เป็น แบรนด์เครื่องสำอาง ยักษ์ใหญ่จากประเทศฝรั่งเศสแดนน้ำหอม โดยแบรนด์นี้ก่อตั้งเมื่อปี 1909 โดยนักเคมีที่ชื่อว่า ยูชีน ชูแลร์ และปัจจุบันลอรีอัล ถือว่าเป็นผู้นำของวงการเครื่องสำอาง อันดับหนึ่งของโลกเลยทีเดียว และลอรีอัลยังเป็นแบรนด์ที่ใครๆ หลายคนก็หลงรัก เพราะมีคุณภาพการผลิตที่ดี และมีราคาที่ไม่แพงมากนัก แถมลอรีอัลยังเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางระดับโลกมากถึง 23 แบรนด์ ปัจจุบันมียอดขายมากกว่า 17,500 ล้านยูโร

2. AVON

แบรนด์เครื่องสำอาง

แบรนด์นี้เกิดขึ้นในปี 1886 โดยนายเดวิด เฮช.แม็คคอนเนล ซึ่งเขาคนนี้ก็เคยเป็นเซลล์แมนมาก่อน แต่ด้วยความที่อยากจะก่อตั้งบริษัทเป็นของของตัวเอง จึงได้เริ่มขายน้ำหอม ที่ตัวเองได้ผลิตขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นก็เริ่มมีหุ้นส่วนเป็นผู้จำหน่ายอิสระ ได้ลองการทำตลาดโดยการเคาะประตูไปทีละบ้าน ซึ่งนั่นก็นับว่าการขายตรงครั้งแรกของสินค้าเลยทีเดียว และหลังจากนั้นเอวอนก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จนได้มีรายได้ที่มากถึง 300,000 ล้านบาท และตอนนี้ได้ครองยอดขายอันดับหนึ่งของโลกไปแล้ว โดยมีสาขากระจายเป็น 100 ประเทศ กระจายอยู่ทั่วโลก

3. LANCOME

แบรนด์เครื่องสำอาง

นี่ก็เป็นเครื่องสำอางแบรนด์ฝรั่งเศส ที่ได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1953 โดยนายอาร์มองด์ เปอติฌอง ซึ่งเขาก็มีวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นในการเผยแพร่จิตวิญญาณ และเผยแพร่รสนิยมของคนฝรั่งเศสไปให้ทั่วโลกได้รับรู้ โดยปัจจุบันเครื่องสำอางของลังโคมก็เป็นผลิตภัณฑ์ชั้นสูงสำหรับผู้หญิงไปแล้ว แต่ก็ยังมีผลิตภัณฑ์ดูแลสำหรับผิวผู้ชายอีกด้วย นับว่าเป็นเครื่องสำอางที่ต้องมีติดกระเป๋า  เพราะลังโคมได้วางจำหน่าย 135 ประเทศ กระจายทั่วโลก และตอนนี้ได้มีผู้นำความงามมากกว่า 130 คน ที่คอยช่วยถ่ายทอดความหมายของความของแบบฝรั่งเศส ซึ่งต่อมา Lancome ก็ได้เข้าไปอยู่ในเครือลูกของ L’oreal

4. CLINIQUE

แบรนด์เครื่องสำอาง

นี่ก็เป็น แบรนด์เครื่องสำอาง สัญชาติอเมริกัน โดยได้เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 1968 โดย Estee Lauder และ Joseph Lauder ซึ่งก็ได้วางขายเฉพาะในร้านค้าระดับสูง โดยแบรนด์นี้ก็เป็นแบรนด์ที่อยู่ในเครือเดียวกัน กับบริษัทเครื่องสำอางแบรนด์ดังอย่าง Estee Lauder

5. M.A.C

แบรนด์เครื่องสำอาง

M.A.C ย่อมาจาก Make-up Arts Cosmetics หรือก็คือเครื่องสำอางสำหรับมืออาชีพ โดยได้ก่อตั้งขึ้นในโตรอนโต ประเทศแคนาดา ในปี 1984 โดยนายแฟรงค์ แองเจลโล และนายแฟรงค์ โทสคาน โดยปัจจุบันมีสาขามากถึง 1,000 สาขาทั่วโลก และมีรายได้มากกว่า 33 ล้านดอลลาร์ โดยเครื่องสำอาง M.A.C จะตอบสนองความต้องการของมืออาชีพได้เป็นอย่างดี และยังได้รับความนิยมอย่างมากายในวงการแฟชั่นอีกด้วย โดยภายหลังในปี 1996 บริษัท Estee Launder ก็ได้เข้ามาซื้อกิจการของ M.A.C

6. OLAY

แบรนด์เครื่องสำอาง

ในปี 1952 โอเลย์ได้ก่อตั้งบริษัทขึ้น และแน่นอนว่าปัจจุบันได้กลายมาเป็นผู้นำการตลาดด้านผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าแทน พอนด์ส ไปแล้ว โดยโอเลย์ได้เริ่มขยายตลาดไปทั่วโลก และได้กำหนดกลุ่มลูกค้า ที่เป็นสาวอายุระหว่าง 24-30 ภายในสโลแกน Anti-Aging พร้อมยังได้ยกระดับการดูแลผิวแบบหรูหรามากๆ แต่มาในราคาที่ไม่แพงมา

7. ORIFLAME

แบรนด์เครื่องสำอาง

นี่เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสัญชาติสวีเดน ที่ได้ออกตลาดเมื่อปี 1967 โดยโจนัส อาฟ จอร์นิค และ โรเบิรต์ อาฟ จอร์นิค และเพื่อนๆ ร่วมการทำงานที่ชื่อ เบงจ์ท เฮลสเตน โดยได้ร่วมกันสร้างกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามแบบธรรมชาตินี้ขึ้นมา

ซึ่งก็ได้เลือกสารสกัดที่มาจากธรรมชาติ จากพันธุ์พืชที่หายาก และของที่สามารถเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ แบรนด์นี้ได้มีการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปมากกว่า 60 ประเทศทั่วโลก

8. URBAN DECAY

แบรนด์เครื่องสำอาง

มากับแบรนด์เครื่องสำอางสัญชาติอเมริกัน ซึ่งก็อยู่ในเครือเดียวกันกับ L’oreal โดยได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1996 โดยแบรนด์นี้ได้วางตลาดเป้าหมายที่วัยรุ่นผู้หญิงซะเป็นส่วนใหญ่ และสินค้าที่ทำให้แบรนด์นี้เป็นที่รู้จักมอย่างกว้างขวางเลยก็คือ พาเลตอายแชร์โดว์ ที่มีเม็ดสีที่แน่น ติดทนนาน และยังมีดินสอเขียนขอบตากันน้ำ ที่ติดทนนานได้มากถึง 24 ชั่วโมง

9. REVLON

แบรนด์เครื่องสำอาง

นี่เป็นเครื่องสำอางระดับไฮเอนด์ แต่มาในราคาสบายๆ จากอเมริกา โดยแบรนด์นี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1932 ซึ่งเจ้าของได้มีการคิดที่จะสร้างน้ำยาทาเล็บ โดยใช้เม็ดสีสังเคราะห์แทนสีปกติ โดยจะช่วยให้เม็ดสีที่ใช้มีขนาดใหญ่ขึ้น และยังได้ร่วมมือกับนักเคมี โดยพวกเขาทั้งหมดก็ได้สร้างน้ำยาทาเล็บที่ชื่อว่า เรฟลอน นอกจากนี้ก็ยังได้คิดค้นลิปสติกและเครื่องสำอางอีกมากมาย ในตอนแรกก็ขายในราคาที่สบายกระเป๋า แต่ถึงแบบนั้นก็ทำให้ตอนนี้มีรายได้มากกว่า 200 พันล้านดอลลาร์

10. MAYBELLINE

แบรนด์เครื่องสำอาง

แบรนด์นี้เกิดขึ้นในปี 1915 โดยนักเคมี Tom Lyle Williams ซึ่งตอนนั้นเขามีอายุแค่ 19 ปีเท่านั้น โดยเขาได้เริ่มต้นการทำตลาดจากการขายมาสคาร่า และแบรนด์นี้ก็เป็นแบรนด์หนึ่งที่มีชื่อเสียงในเรื่องมาสคาร่ามากที่สุด ทั้งยังมีราคาที่ไม่แพงอีกด้วย และมีคุณภาพที่มากกว่าราคาเป็นร้อยเท่า และต่อมาในภายหลังปี 1996 แบรนด์นี้ก็ถูกซื้อโดย L’oreal ไปแล้ว


10 แบรนด์เครื่องสำอางเกาหลี เนรมิตความสวยแบบสาวเกาหลีกันได้

แบรนด์เครื่องสำอาง

10 แบรนด์เครื่องสำอางเกาหลี เนรมิตความสวยแบบสาวเกาหลีกันได้ สาวๆ หลายคนก็คงจะชอบประเทศเกาหลีกันแน่ และคงมีความฝันที่อยากจะไปเที่ยวเกาหลีกัน และแน่นอนว่าถ้าไปเกาหลีนอกจากจะสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ แล้ว ยังจะต้องแวะร้านเครื่องสำอางที่เกาหลีแน่นอน และวันนี้เรามี 10 แบรนด์เครื่องสำอางสุดคูล มาให้สาวๆ ได้เลือกกันเลยว่าอยากใช้แบรนด์ไหน อย่ารอช้า มาดูกันเลย 

1. 3CE

แบรนด์เครื่องสำอาง

ในตอนนี้คงไม่มีเครื่องสำอางเกาหลีแบรนด์ไหน เป็นที่ยอดฮิตไปเกินกว่าแบรนด์นี้อีกแล้ว เพราะโด่งดังมากกับลิปสติกแบบดินสอหลากสีในกล่องให้เลือก โดยตัวกล่องมีสีดำสวย แถมเนื้อลิปยังนุ่มทำให้ทาได้ง่าย ถ้าได้ไปเกาหลีทั้งทีจะพลาดไม่ซื้อมาก็ยังไงๆ อยู่น้า และยังมีทั้งเสื้อผ้าและเมคอัพให้ช้อปครบเลย

2. LANEIGE

แบรนด์เครื่องสำอาง

แบรนด์ที่มีสลีปปิ้งมาส์กตัวดัง บอกได้เลยว่าถ้าไปเยือนถึงแดนกิมจิแล้ว จะไม่หิ้วมานี่ถือว่าผิดเลยทีเดียว เพราะราคาที่นู่นถูกกว่าบ้านเรามากๆ แถมยังใช้ได้ดี หากใช่คู่กับแบรนด์แปรงแต่งหน้าของดี รับรองได้เลยว่ารองพื้นของคุณจะปกปิดได้อย่างเรียบเนียน ที่สำคัญแบรนด์นี้ยังมีเครื่องสำอาง กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว Water Bank, รองพื้น BB Cushion และลิปสติกทูโทน

3. ETUDE HOUSE

แบรนด์เครื่องสำอาง

แบรนด์น่ารักๆ สีสันสดใสที่เป็นขวัญใจของหลาย ๆ คน เปิดตัวมาในปี 1995 อีทูดี้เฮ้าส์มีหลายผลิตภัณฑ์ให้เลือก อาทิ เมคอัพสำหรับดวงตา เมคอัพสำหรับริมฝีปาก เมคอัพสำหรับผิวหน้า ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกาย และน้ำหอม เครื่องสำอางตัวดังก็คือ ดินสอเขียนคิ้วและอายไลเนอร์ถือเป็นตัวยอดฮิตที่ใครไปเกาหลีก็ต้องหิ้วมาฝากคนที่ไทยกับเสมอ เพราะราคาประมาณหลักร้อยบาทเท่านั้น แถมยังมีเฉดสีหลากหลายให้เลือกใช้

4. SULWHASOO

แบรนด์เครื่องสำอาง

นี่เป็นเครื่องสำอางที่ทาผิวได้ดีมากๆ ราวกับว่าเราเป็นสาวเกาหลีเลยทีเดียว แบรนด์ที่โดดเด่นเรื่องส่วนผสมธรรมชาติจากพืชสมุนไพรเกาหลีหรือโสมเกาหลี และเป็นที่นิยมอย่างมาก แถมเมื่อทาแล้วยังทำให้ใบหน้าดูชุ่มชื้น และทำให้ผิวหน้าสุขภาพดี และแน่นอนว่าราคาที่นู่นถูกกว่าบ้านเราด้วย 

5. Innisfree 

แบรนด์เครื่องสำอาง

แบรนด์ดังจากเกาะเชจูที่สาวๆ จะต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี เปิดตัวขึ้นในปี 2000 จุดเด่นคือ เลือกใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติของเกาะเชจู อินนิสฟรีเป็นแบรนด์ที่ใช้ส่วนผสมที่มีคุณภาพสูงตามมาตรฐานฝรั่งเศส ECOCERT ซึ่งก็ถือว่ามีเพียงไม่กี่แบรนด์เท่านั้นที่จะใช้มาตรฐานระดับสูงในการผลิตเช่นนี้ โดยเฉพาะเซรั่มขวดเขียวตัวดัง

6. NATURE REPUBLIC

แบรนด์เครื่องสำอาง

ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ เพื่อให้ทุกคนได้เพลิดเพลินไปกับความสวยงาม เจลว่านหางจระเข้สุดฮิต เจลสารพัดประโยชน์ และนี่ยังเปรียบเหมือนของฝากประจำเกาหลีที่ใครไปก็ต้องหิ้วกลับมากันทุกครั้ง เพราะกระปุกหนึ่งใช้งานได้นานเป็นเดือนๆ แถมยังบำรุงได้ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าอีกด้วย ซึ่งราคาที่เกาหลีก็ถือว่าถูกมากๆ โดยอยู่ที่กระปุก 90 บาทเท่านั้น

7. Mamonde 

แบรนด์เครื่องสำอาง

ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากสารสกัดของดอกไม้ที่ช่วยดูแลผิวอย่างอ่อนโยน เปิดตัวขึ้นในปี 1991 โดดเด่นทั้งเครื่องสำอางและสกินแคร์สุดฮิตช่วยบำรุงดูแลผิวหน้าให้สวยใสแบบสาวเกาหลีแท้ๆ แถมยังคัดสรรวัตถุดิบจากธรรมชาติเพื่อดูแลผิวของคุณ รับรองว่าใช้ดีมากจริงๆ

8. Jung Saem Mool

แบรนด์เครื่องสำอาง

จองแซมมุล มาจากชื่อเจ้าของแบรนด์ ที่เป็นช่างแต่งหน้ามืออาชีพมาร่วม 30 ปี จนมาสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นี้ก็ดีงามหมดทุกตัว ยิ่งคุชชั่นตัวดังยิ่งเป็นที่ฮอตฮิตอย่างมาก เพราะปกปิดผิวดี แต่เบาบางและไม่ทำให้ผิวหนาหรือเป็นคราบ ราคาที่ไทยค่อนข้างแพง ทำให้สาวไทยถึงกับต้องไปเยือนแดนกิมจิเพื่อที่จะซื้อเจ้าตัวกันเลยทีเดียว

9. Banila Co. 

แบรนด์เครื่องสำอาง

เครื่องสำอางแนวสดใสเหมาะกับวัยมัธยมแต่คนโตๆ ก็ใช้ได้นะ ผลิตภัณฑ์หลักของแบรนด์จะเน้นพวกเบสครีม บีบี ซีซีครีม ซึ่งสารสกัดส่วนมากที่ใช้จะเป็นมิตรต่อผิว เช่น ชาเขียว สมุนไพร ที่ช่วยแก้ไขปัญหาจุดด่างดำ รอยสิว ริ้วรอย และทำให้ผิวชุ่มชื้น

10. Moonshot

แบรนด์เครื่องสำอาง

ใครที่ไปเกาหลี แต่ไม่ไปร้านนี้ไม่ได้นะ เครื่องสำอางตัวเด็ด ประเภทลิปสติกและอายชาโดว์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสีเอิร์ธโทนที่สามารถใช้ได้ทุกวัน แถมเนื้อแน่น สีชัด เกลี่ยก็ง่าย นอกจากนี้ลิปสติกก็ดีไม่แพ้กัน สีสวย แพ็กเกจมินิมอล ควรค่าแก่การซื้อใช้แน่นอน


10 แบรนด์เครื่องสำอางญี่ปุ่น แนะนำแบรนด์สุดฮิตจากแดนปลาดิบ

แบรนด์เครื่องสำอาง

ใครที่ชอบไปเที่ยวญี่ปุ่นก็คงไม่พลาดที่จะซื้อของฝากติดมือกลับมาแน่นอน และหนึ่งในนั้นก็คงหนีไม่พ้น เครื่องสำอางแน่นอน และวันนี้เรามี แนะนำเครื่องสำอาง 10 แบรนด์เครื่องสำอางญี่ปุ่น สุดอิต ที่ผู้ไปเยือนต้องซื้อกลับมาฝากคนที่บ้านกันให้พรึ่บ จะมีแบรนด์อะไรบ้าง ไปดูกัน 

1. CANMAKE

แบรนด์เครื่องสำอาง

แบรนด์นี้น่าจะเป็นที่รู้จักในไทยเป็นอย่างดี เพราะมีราคาที่ไม่แพงมาก แต่ที่น่าหิ้วกลับมาไทย นั่นก็เพราะว่าราคาที่ไทยและที่ญี่ปุ่น มันแตกต่างกันมาก และแพ็กเกจของ CANMAKE ก็ดูจะน่าซื้อไปเสียทุกอย่าง คุณภาพไม่แพ้เครื่องสำอางของไทยเลย ส่วนไอเทมเด็ดที่อยากจะแนะนำของแบรนด์นี้เลยก็คือ Lasting Multi Eyebase WP ซึ่งสามารถทำให้อายแชร์โดว์และไอไลเนอร์ติดทนได้นานขึ้น

2. MUJI

แบรนด์เครื่องสำอาง

นอกจากมูจิจะเป็นแบรนด์เสื้อผ้าแล้ว ยังเป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่ดีอีกด้วย เรียกได้ว่ามีขายอยู่เยอะมาก ซึ่งก็ไม่ได้มีแค่เครื่องสำอางเพียงอย่างเดียว ยังมีอุปกรณ์ใช้งานกันอีกมากมาย ใครที่ไปญี่ปุ่นก็อย่าลืมไปช้อปที่ร้านนี้ล่ะ

3. SHU Uemura

แบรนด์เครื่องสำอาง

Shu Uemura สินค้ายอดฮิตก็คือที่ดัดขนตา ที่ทุกนิตยสารและบิวตี้กูรูทั่วโลกต่างยกให้เป็นอุปกรณ์แต่งหน้าที่ทุกคนต้องมี แต่นอกจากที่ดัดขนตาแล้ว ทางแบรนด์ยังมีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางอีกมากมาย รวมไปถึงไลน์สกินแคร์ต่างๆ อีกด้วย

4. CEZANNE

แบรนด์เครื่องสำอาง

ในญี่ปุ่น เครื่องสำอางแบรนด์นี้ได้รับความนิยมหญิงสาวทั้งประเทศ และไอเทมเด็ดที่สาวชาวไทยเคยฮิตกันก็คือ CEZANNE UV Foundation EX Plus Powder SPF23 PA++ ซึ่งเป็นแป้งพับที่ผสมไปด้วยรองพื้นเนื้อบางเบา ถ้าเปรียบเทียบราคากันแล้ว ที่ญี่ปุ่นถูกกว่าแน่นอน 

5. Shiseido

แบรนด์เครื่องสำอาง

ในไทยส่วนใหญ่จะขายอยู่ในเคาน์เตอร์เครื่องสำอางไม่กี่ห้าง ซึ่งก็เรียกว่าหายากอยู่ แต่ในญี่ปุ่นจะหาเจอได้ง่ายๆ ตามร้านขายเครื่องสำอางทั่วไปเลยทีเดียว ผลิตภัณฑ์ภายใต้ชื่อ Shiseido ไว้ใจได้เลยว่าใช้ดี และคุณภาพสมราคา มีสกินแคร์ให้เลือกมากมาย เช่น ครีมบำรุง ครีมกันแดด เป็นต้น และแน่นอนว่าราคาถูกกว่าไทยแน่นอน

6. KATE

แบรนด์เครื่องสำอาง

ในประเทศไทย แบรนด์นี้สามารถหาซื้อได้ตามวัตสัน โดยแบรนด์นี้ค่อนข้างจะโด่งดังมากในส่วนของพาเลตคิ้ว เพราะมีความทนทาน และใช้งานได้ดี โดยในญี่ปุ่นเราสามารถหาซื้อได้ตามร้านเครื่องสำอางทั่วไป

7. Biore

แบรนด์เครื่องสำอาง

แบรนด์สกินแคร์ที่คุ้นเคย ไลน์สกินแคร์และอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ครีมกันแดด คลีนซิ่ง แผ่นแปะสิวเสี้ยน โฟมล้างหน้า เป็นต้น ด้วยราคาที่ไม่แพงและหาได้ตามร้านเครื่องสำอางทั่วไปเช่นกัน

8. MAJOLICA MAJORCA

แบรนด์เครื่องสำอาง

แบรนด์นี้ก็เป็นแบรนด์ที่มีวางขายในร้านในไทยอยู่มาก เพราะเป็นเครื่องสำอางที่โดดเด่นในส่วนของมาสคาร่าปัดเด้ง แต่ก็ค่อนข้างล้างออกยากนิดนึง ส่วนตัวอายไลน์เนอร์นั้นก็เป็นที่นิยมเช่นกัน สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายเครื่องสำอางทั่วญี่ปุ่น

9. Isehan Heroine Make

แบรนด์เครื่องสำอาง

พูดชื่อแบรนด์หลายคนอาจจะงง แต่ถ้าพูดถึงเครื่องสำอางมาสคาร่าและอายไลน์เนอร์ที่เป็นรูปการ์ตูนเจ้าหญิงตาหวานบนแพ็กเกจจิ้ง หลายคนต้องร้องอ๋ออย่างแน่นอน สินค้าตัวดังที่เหล่าบิวตี้กูรูต้องยกนิ้วให้ และเคยได้รางวัลแนะนำมาแล้ว คุณภาพของเขาดีจริงๆ

10. HADA LABO

แบรนด์เครื่องสำอาง

มาดูที่สกินแคร์บำรุงผิวกันบ้าง แน่นอนว่าแบรนด์นี้ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงในไทยมาก เพราะมีส่วนช่วยในเรื่องของการบำรุงผิวให้ดูนุ่ม เด้ง ซึ่งเวลาใครที่ไปญี่ปุ่น ก็คงจะหิ้วน้ำตบของแบรนด์นี้มาฝากกันแน่นอน และยิ่งตอนนี้มีแบบเป็นถุงเติมประหยัด ซึ่งก็ทำให้ประหยัดเงินได้มากพอสมควร  โดยราคาที่ไทยแพงกว่าที่ญี่ปุ่นเท่าตัว ทำให้มีแต่คนนิยมไปซื้อที่ญี่ปุ่น และยังสามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไปในญี่ปุ่น

ถ้าใครกำลังมีแพลนไปต่างประเทศ แต่ยังไม่รู้ว่าจะซื้อแบรนด์ไหน ยี่ห้ออะไร หรือตัวไหนดี ก็อย่าลืม แบรนด์เครื่องสำอาง ที่เรานำมาแนะนำกันได้ แล้วจดลิสต์กันให้ดีว่าจะหิ้วอะไรกลับมาฝากหรือหิ้วอะไรมาใช้เองบ้าง เพราะสินค้าบางอย่างนอกจากจะราคาถูกกว่าซื้อที่ไทย บางผลิตภัณฑ์อาจจะไม่สามารถหาซื้อได้ในไทยอีกด้วย


อ้างอิง:

ป้ายยา 10 เครื่องสำอางเกาหลี ไอเท็มสร้างลุคสวยใสที่สายเกาต้องมี!. https://vogue.co.th/beauty/make-up-korean-cosmetic-brand

18 แบรนด์เครื่องสำอางญี่ปุ่น ที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนญี่ปุ่น!. https://www.japankakkoii.com/japan-shopping/15-japanese-cosme-brand/

ครีมทาหน้าขาวใส 10 ส่วนผสมสารสกัดจากผลไม้ และให้คุณประโยชน์

ครีมทาหน้าขาวใส 10 ส่วนผสมสารสกัดจากผลไม้ และให้คุณประโยชน์

ครีมทาหน้าขาวใส 10 ส่วนผสมสารสกัดจากผลไม้ต่างๆ และให้คุณประโยชน์ วันนี้เราจะมาทำการเจาะลึกกันว่า การใช้ ครีมทาหน้าขาวใส ที่ผสมสารสกัดจากผลไม้ชนิดต่างๆ นั้น มีประโยชน์และคุณสมบัติที่แตกต่างกันอย่างไร เพื่อให้คุณเลือกใช้ครีมทาหน้าที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากผลไม้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ  

ครีมทาหน้าขาวใส

1. ครีมทาหน้าขาวใส ที่ผสมสารสกัดแอปเปิ้ล

แอปเปิ้ลนั้นมีวิตามินซีอยู่เป็นจำนวนมาก และยังมีเบต้าแคโรทีนที่ช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวสดใสมากขึ้น ปรับสภาพผิวให้นุ่มเนียน และมีคอลลาเจนกับอีลาสตินที่ช่วยลดริ้วรอยต่างๆ อีกด้วย

ครีมทาหน้าขาวใส

2. ครีมทาหน้าที่ผสมสารสกัดแบล็กเบอร์รี่

แบล็กเบอร์รี่ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น แอนโธไซยานิน วิตามินอี และกรดเอลลาจิก ทั้งยังมีสารที่มีคุณสมบัติอันช่วยเรื่องผิวอย่างมากเช่น โฟเลต กรดฟีโนลิก และวิตามินซี ซึ่งช่วยให้ผิวตึงกระชับ และดูอ่อนกว่าวัย

ครีมทาหน้าขาวใส

3. ครีมทาหน้าขาวใส ที่ผสมสารสกัดแครนเบอร์รี่

แครนเบอร์รี่ เป็นผลไม้อีกชนิดที่มี วิตามินซีสูงมาก ซึ่งจะช่วยในเรื่องชะลอการเสื่อมสภาพของผิวได้เยี่ยม

ครีมทาหน้าขาวใส

4. ครีมทาหน้าที่ผสมสารสกัดบลูเบอร์รี่

บลูเบอร์รี่ เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก ทำให้ร่างกายลดการทำลายเซลล์ต่างๆ ได้มากขึ้น ทำให้ผิวและร่างกายดูอ่อนกว่าวัย

ครีมทาหน้าขาวใส

5. ครีมทาหน้าขาวใส ที่ผสมสารสกัดบลูราสเบอร์รี่

บลูราสเบอร์รี่ ผลไม้อีกชนิดของตระกูลเบอร์รี่ ซึ่งแน่นอนว่ามันเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ แต่นอกจากนี้บลูราสเบอร์รี่ยังอุดมไปด้วยวิตามิน A และ B ซึ่งจะแตกต่างจากผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ชนิดอื่น เพราะว่าช่วยในเรื่องของการสมานแผลอีกด้วย

ครีมทาหน้าขาวใส

6. ครีมทาหน้าที่ผสมสารสกัดเชอร์รี่

เชอร์รี่เป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่นิยมนำมาผสมในครีมทาหน้าชนิดต่างๆ เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยซ่อมแซมเซลล์ นอกจากนี้ยังช่วยสังเคราะห์คอลลาเจน ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยให้ผิว ดูกระจ่างใส และเนียนนุ่มอย่างตรงจุด ช่วยให้ผิวขาวใสได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ครีมทาหน้าขาวใส

7. ครีมทาหน้าขาวใส ที่ผสมสารสกัดสตรอว์เบอร์รี่

สตรอว์เบอร์รี่ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่มีประโยชน์มาก ช่วยในเรื่องของผลัดเซลล์ผิวเก่า ทำให้ผิวกระจ่างใส หลายคนนิยมมาพอกหน้าแบบสดๆ ซึ่งสามารถใช้ได้ทุกสภาพผิว ทุกอายุ ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ทั้งสิ้น

ครีมทาหน้าขาวใส

8. ครีมทาหน้าที่ผสมสารสกัดโกจิเบอร์รี่

โกจิเบอร์รี่ถือว่าเป็นผลไม้ที่คนส่วนใหญ่อาจจะไม่ค่อยรู้จักกันสักเท่าไหร่ แต่ว่ามันได้ถูกนำมาผสมในครีมทาหน้า เพราะว่ามีส่วนช่วยให้ผิวกลับคืนสภาพ ขาวใส ยกกระชับส่วนที่เหี่ยวย่น บางคนนิยมนำมาพอกหรือขัดบริเวณที่มีความดำด้าน ตาตุ่ม หัวเข่า หรือว่าข้อศอก

ครีมทาหน้าขาวใส

9. ครีมทาหน้าขาวใส ที่ผสมสารสกัดมะละกอ

ในมะละกอมีเอนไซม์ที่มีคุณสมบัติชัดเจนในเรื่องการช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า และช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี รักษาสิว ช่วยให้ผิวขาวขึ้น และป้องกันแดดได้ นอกจากนี้ยังสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ดีมากกว่ากรดน้ำนมถึง 5 เท่า ทำให้รอยแผลเป็นจะดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด

ครีมทาหน้าขาวใส

10. ครีมทาหน้าที่ผสมสารสกัดส้มยูซุ 

ผลไม้ตระกูล Citrus ส้มสายพันธุ์จากประเทศญี่ปุ่น อุดมไปด้วยคุณประโยชน์และวิตามินต่างๆ มากมาย สารอาหารที่สำคัญที่สุดก็คงหนีไม่พ้นเบต้าแคโรทีนและวิตามินซี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ทำให้ผิวหนังยืดหยุ่นและสว่างกระจ่างใส ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนังด้วย

สารสกัดจากผลไม้ชนิดต่างๆ นั้นมีประโยชน์มหาศาลต่อผิว ซึ่งนอกจากนี้ยังมีผลไม้อีกมากมายหลายร้อยชนิดที่ให้คุณประโยชน์ต่อผิว และนิยมนำมาผสมในครีมทาหน้าชนิดต่างๆ แต่ในบทความนี้อาจจะไม่ได้นำมาแนะนำกันได้ครบทุกชนิด ดังนั้น ก่อนเลือกซื้อใช้ครีมอย่าลืมศึกษาและดูส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ของครีมทาหน้าที่ต้องการซื้อให้ดี ก่อนการตัดสินใจเพื่อช่วยให้บำรุงผิวและดูแลได้อย่างตรงจุดมากที่สุด หากคุณอยากมีใบหน้าที่ขาวใส คุณอาจสนใจบทความนี้ ครีมกลูต้าไวท์ที่ใช้ได้ผลจริง


ทํา ครีมทาหน้าขาวใส ใช้เองง่ายๆ ต้องใช้อะไรบ้าง

ครีมทาหน้าขาวใส

ทําครีมใช้เองง่ายๆ แน่นอนว่าสาวๆ หลายคนคงจะชอบใช้ครีมกันแน่ๆ แต่ก็ด้วยราคาของครีมหน้าขาวที่แพงหรือไม่ก็การทำงานของครีมที่ไม่ได้ดั่งใจ แถมครีมหน้าขาวใสบางตัวยังทำให้ผิวแพ้ง่ายอีกด้วย ทำให้บางคนมีความคิดว่าอยากจะทำครีมใช้เอง ซึ่งก็เป็นความคิดที่ดี แต่ก็อาจจะคิดว่า ทำได้จริงเหรอ ปลอดภัยเหรอ 

วันนี้ก็จะมาคุยกันว่าทำครีมใช้เองจะทำได้อย่างไร ซึ่งการ ทําครีมใช้เองง่ายๆ จะไม่ใส่สี ใส่กลิ่น หรือใส่สารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ใดๆ ทั้งสิ้น น่าจะเหมาะกันสาวๆ ผิวมัน และเป็นสิวง่าย ได้เป็นอย่างดี และผลลัพธ์เป็นยังไงไปดูกัน

ครีมทาหน้าขาวใส

โทนเนอร์

การทำโทนเนอร์เองนั้น สามารถทำได้ง่ายมากๆ เพราะไม่ได้มีขั้นตอนอะไรยุ่งยาก การเตรียมของทำโทนเนอร์นั้นก็มีน้ำกลั่น โดยขอแนะนำให้ใช้น้ำกลั่นจะดีกว่า เพื่อความสะอาด อีกอย่างหนึ่ง คือ กรดอ่อน โดยในที่นี้เราจะใช้วิตามินซี เพราะเป็นกรดที่อ่อนที่หาง่าย ราคาถูก และที่สำคัญคือไม่มีกลิ่น แถมยังช่วยผิวกระจ่างใสได้ด้วย

วิธีทำ ใช้น้ำกลั่นจำนวนร้อยละ 90 ผสมกับวิตามินซี หรือกรดอ่อนชนิดอื่นร้อยละ 10 หรืออาจจะผสมกลีเซอลีนไปสักกหน่อยก็ได้ เพื่อไม่ให้ระเหยออกไปได้ง่าย โดยวิตามินซีสามารถหาซื้อได้ตามร้านอาหารเสริม และกลีเซอรีนก็สามารถซื้อได้ทั่วไปตามร้านขายยาบางที่ก็สามารถซื้อได้ แต่การใช้งานเน้นว่าต้องใช้ภายใน 1 อาทิตย์เท่านั้น เพราะการทำงานของวิตามินซีจะหมดลงไป ซึ่งหากใช้ไปจะทำให้ผิวขาวขึ้น ดังนั้น ทำแค่พอใช้จะดีที่สุด

เซรั่มทาหน้า

การทำเซรั่มเองก็จะช่วยประหยัดเงินไปได้เยอะ โดยใช้ส่วนผสมจากวิตามินบี เพราะจากงานวิจัยจะใช้วิตามินบีจำนวนร้อยละ 4 ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ทำให้ขาวได้ โดยตัวที่มีผลดีที่สุดคือ B2 เพราะจะทำให้ขาวมากและเห็นผลได้ชัดที่สุดแล้ว

ครีมทาหน้าขาวใส

ครีมทาผิว

บอกก่อนว่าครีมหน้าขาวที่มาจากตามท้องตลาดเป็นครีมที่มีแต่น้ำมันมิเนอรัล ซึ่งใช้แล้วก็จะทำให้ผิวอุดตัน และยังเต็มไปได้ด้วยสารกันบูด น้ำหอมและสีสังเคราะห์อีกด้วย หากทำใช้เองสามารถใช้ส่วนผสม ดังนี้

  1. บีแวกซ์ สำหรับสร้างเนื้อครีม 4-8 กรัม ถ้าอยากให้ครีมข้นก็ใส่มากหน่อย  อยากให้ครีมอ่อนก็ใส่น้อยหน่อยตามความสะดวก
  2. Carrie oil อาจจะใช้เป็นน้ำมันมะกอก น้ำมันมะรุม น้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันอะไรก็ได้ที่ทาแล้วมีประโยชน์ต่อผิว โดยส่วนใหญ่ก็หาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อ
  3. ผสมด้วยน้ำมันทานตะวัน น้ำมันเมล็ดองุ่น หรือน้ำมันดอกคำฝอย
  4. ผสมให้ได้ 75 มิลลิกรัม
  5. น้ำกลั่น 125 มิลลิกรัม
  6. วิตามินอี 5 มิลลิกรัม สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยา อาจจะเป็นแบ่งผงหรือแบบเม็ดก็ได้
  7. กลีเซอรีน
  8. อัลฟ่าอาร์บูติน ตบท้ายด้วยตัวการใหญ่ที่ทำหลายหน้าที่ ซึ่งใช้ใส่เป็นร้อยละ 2 ของทั้งหมด ราคาจะอยู่ที่ประมาณหลักร้อยถึงพัน สามารถสั่งซื้อได้ในเว็บนอกหรือร้านเคมีภัณฑ์

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีทางเลือกในการ ทําครีมใช้เองง่ายๆ ที่สามารถหาซื้อส่วนประกอบต่างๆ นำมาผสมกันได้และปรับสูตรตามใจชอบเอง แต่ถ้าใครไม่สะดวกทำก็ใช้ผลิตภัณฑ์ครีมต่างๆ ที่วางขายตามร้านค้าชั้นนำได้เลย แต่อย่าลืมเลือกให้เข้ากับปัญหาและสภาพผิวของตัวเองเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และเลือกใช้ครีมที่ไม่มีสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ หากคุณแพ้ครีมทาหน้าคุณอาจสนใจบทความนี้ วิธีรักษาหน้าแพ้ครีมเป็นผื่น


4 ประโยชน์ของครีมบำรุงผิว ครีมหน้าขาว ครีมหน้าใส ควรมีคุณสมบัติอะไรบ้าง

ครีมทาหน้าขาวใส

4 ประโยชน์ของครีม บำรุงผิว ครีมหน้าขาว ครีมหน้าใส ควรมีคุณสมบัติอะไรบ้าง เชื่อว่าหลายท่านที่อยากให้ผิวหน้ากระจ่างใสนั้น ต่างก็ตามหาครีมทาหน้า ที่มีคุณสมบัติอันน่าพึงพอใจ แต่ว่าสำหรับครีมทาหน้าที่ดีนั้นมันควรจะมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ถึงจะเป็นครีมที่มีประสิทธิภาพเยี่ยมและได้มาตรฐาน 

ครีมทาหน้าขาวใส

1. สามารถช่วยป้องกันสิ่งสกปรกได้

ครีมต่างๆ มากมายที่นิยมขายในท้องตลาดนั้น หากว่ามีความสามารถช่วยป้องกันสิ่งสกปรกได้จะเป็นครีมที่มีคุณภาพเยี่ยม เพราะว่าทั้งวันเราต้องพบเจอกับสิ่งสกปรกมากมาย เราไม่สามารถล้างหน้าได้บ่อยตลอดทั้งวัน เพราะฉะนั้นแล้วคุณสมบัติของครีมทาหน้านั้น นอกจากการช่วยบำรุงผิวหน้าแล้วยังต้อง สามารถป้องกันสิ่งสกปรกได้อีกด้วย

2. ผลัดเซลล์ผิวเก่า

โดยปกติแล้วในช่วงอายุระว่างวัยเด็กจนถึงวัยรุ่นนั้น จะมีการผลัดเซลล์ผิวเป็นเรื่องปกติของร่างกายที่จะทำงานโดยอัตโนมัติ แต่ว่าในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป ร่างกายจะเริ่มไม่ผลัดเซลล์ผิวเก่า เซลล์ผิวเก่าคือชั้นผิวรอบนอก พวกขี้ไคลธรรมดาแล้วจะผลัดเซลล์ผิวเหล่านี้ด้วยการอาบน้ำหรือการขัดถูนั่นเอง แต่หากว่าเมื่ออายุ 30 ปี ขึ้นไปแล้ว ร่างกายจะไม่ทำงานอัตโนมัติ เราจึงอาจจะใช้ตัวช่วยจากการทาครีม เพราะหากร่างกายไม่ผลัดเซลล์ผิว จะเป็นสาเหตุของการเกิดสิวอุดตัน เกิดร่องหลุมบริเวณใบหน้า และครีมบำรุงผิวที่ดีควรเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยเรื่องการผลัดเซลล์ผิวด้วย

3. การบำบัดผิว

ครีมทาหน้าที่ดีต้องสามารถทำได้ตามวัตถุประสงค์ของมันอย่างชัดเจน นั่นคือการบำบัดผิว ช่วยทำให้ผิวขาวขึ้น บำรุงให้มีสุภาพที่ดี สีผิวหน้าเรียบเสมอกัน ป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย และสามารถป้องกันสิวได้ ช่วยกระชับรูขุมขนที่กว้าง และลดปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนผิวหน้าอย่างเห็นได้ชัด

4. เพิ่มความชุ่มชื่น

ในส่วนของครีมทาหน้าที่มีส่วนผสมของ Moisturize จะช่วยทำให้ผิวหน้าได้รับความชุ่มชื่นได้ดีกว่า ซึ่งหลายคนนั้นเข้าใจผิดว่าการใช้ครีมทาหน้าที่มีส่วนผสมของ มอยส์เจอร์ไรเซอร์จะทำให้ผิวมันมากขึ้น แท้จริงแล้วมันคือการบำรุงให้ผิวชุ่มชื่นอยู่ตลอดเวลา ช่วยลดความมันบนใบหน้า ทำให้เป็นครีมของคนหน้ามันอย่างแท้จริง โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแห้งควรจะใช้ครีมทาหน้าที่ผสมมอยส์เจอร์ไรเซอร์อย่างมาก เพราะมันคือเกราะชั้นแรกที่ป้องกันการเสื่อมสภาพของผิวอย่างมีประสิทธิภาพ

หากว่าครีมทาหน้าที่คุณใช้มีคุณสมบัติครบทั้ง 4 ข้อที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น ก็เท่ากับว่าครีมทาหน้าที่คุณกำลังใช้อยู่เป็นครีมทาหน้าที่มีประโยชน์และช่วยบำรุงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ


อ้างอิง:

Fruit Extracts in Skin Care. https://thedermreview.com/fruit-extracts-skin-care/

สารสกัดจากธรรมชาติ. https://www.ananindustry.com/health-extract.html

10 อันดับ โลชั่นสําหรับผิวแห้งมาก ยี่ห้อไหนดีที่สุด

10 อันดับ โลชั่นสําหรับผิวแห้งมาก ยี่ห้อไหนดีที่สุด

10 อันดับ โลชั่นสําหรับผิวแห้งมาก ยี่ห้อไหนดีที่สุด หากใครไม่ได้เกิดมาเป็นสาวผิวแห้งคงไม่เข้าใจปัญหาที่สาวผิวแห้งต้องเผชิญ เพราะไม่ว่าฤดูกาลไหน จะร้อน หนาว หรือฝนตกแบบไม่ลืมหูลืมตา ผิวเจ้ากรรมก็ยังคงแห้งอยู่เหมือนเดิม ซึ่งปัญหาผิวแห้งไม่ใช่แค่ทำให้ผิวแห้ง เป็นขุย ลอกเป็นแผ่นๆ เท่านั้น แต่สำหรับสาวๆ อย่างเราทุกครั้งที่แต่งหน้ายังลำบากเพราะเครื่องสำอางติดทนยากขึ้นไปอีก!

ฉะนั้น สาวคนไหนอยากบอกลาผิวแห้งเสีย เชิญตามมาทางนี้ วันนี้เรามี 10 โลชั่นขั้นเทพ ที่จะมาช่วยกู้ชีพฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ให้กลับมาปังเนียนนุ่มน่าสัมผัส ดูมีชีวิตชีวา แลดูสุขภาพดี แถมขาวกระจ่างใส จนหนุ่มๆ ต้องมองเหลียวหลังคอเคล็ดกันไปเลย 

1. YVES ROCHER HYDRATATION MOISTURIZING LOTION – ALOE VERA PULP

โลชั่นสําหรับผิวแห้งมาก

สรรพคุณของว่านหางจระเข้ที่ผสมอยู่โลชั่นบำรุงผิวเข้มข้นของ Yves Rocher ที่สามารถเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวแห้งเสียขาดน้ำ ให้กลับมาเนียนนุ่ม ด้วยสูตรอ่อนโยนจากธรรมชาติ จึงมั่นใจได้ว่าใช้แล้วปลอดภัย เพราะกว่า 96% ในโลชั่นไม่มีส่วนผสมจากมิเนอรัลออยล์ สารแต่งสีสังเคราะห์ และสารกันเสียพาราเบน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นอากาศหนาวเย็นหรือสาวๆ ที่ต้องอยู่ในห้องแอร์ตลอดทั้งวัน รับรองว่าโลชั่นตัวนี้เอาอยู่ 

2. โลชั่นสําหรับผิวแห้งมาก VASELINE Intensive Care ADVANCED REPAIR

โลชั่นสําหรับผิวแห้งมาก

สำหรับโลชั่นบำรุงผิวตัวนี้ของวาสลีนได้ผลิตสูตรออกมาเอาใจสาวผิวแห้งโดยเฉพาะ ด้วยสรรพคุณของโลชั่นพร้อมช่วยปรนนิบัติผิวที่แห้งกร้าน ให้ฟื้นฟูกลับมาเนียนนุ่มชุ่มชื้นขึ้นอีกครั้ง เนื้อครีมมีลักษณะเข้มข้น แต่กลับให้สัมผัสที่บางเบา ซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว สามารถทาได้ทั้งแบบครีมบำรุงมือและผิวกาย เพราะไม่ทิ้งคราบเหนียวเหนอะหนะ ข้อดีอีกอย่างคือปราศจากน้ำหอม แถมยังอ่อนโยนต่อผิวแบบสุดๆ เลยล่ะ 

3. BEAUTY BUFFET MADE IN NATURE GOAT MILK UV BODY LOTION

โลชั่นสําหรับผิวแห้งมาก

ประโยชน์ของนมแพะนอกจากจะดีต่อร่างกายแล้ว ยังเป็นสารอาหารบำรุงผิวอย่างยอดเยี่ยม โดยโปรตีนจากนมแพะเต็มไปด้วย Vitamin A, B6, B12, E ซึ่งโลชั่นผิวแห้งเข้มข้นตัวนี้ มีผสมของสารสกัดสมุนไพรจากประเทศเกาหลี ช่วยทำให้ผิวเนียนนุ่ม ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้เร็ว และยังมีกลิ่นหอมของน้ำนมให้รู้สึกสดชื่นตลอดเวลาอีกด้วย 

4. โลชั่นสําหรับผิวแห้งมาก ST.ANDREWS DAISY BODY LOTION 

โลชั่นสําหรับผิวแห้งมาก

โลชั่นสําหรับผิวแห้งมาก ที่อุดมไปด้วยสารสกัดของชาเขียวและทับทิม ช่วยเข้าไปเติมเต็มความชุ่มชื้น ส่งผลให้ผิวของสาวๆ เรียบเนียน แลดูสุขภาพดี แถมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกเดซี่ยังมีคุณสมบัติในการช่วยบำบัดให้คุณรู้สึกผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้า ที่มาพร้อมกับสารสกัดจาก Acerola Cherry ยิ่งเข้าไปเสริมทัพฟื้นฟูให้ผิวกลับมาสดใสเปล่งปลั่งอย่างมีชีวิตชีวาจนคุณเองก็รู้สึกได้ 

5. BEAUTY BUFFET SCENTIO COCONUT & CO-Q10 BODY LOTION

โลชั่นสําหรับผิวแห้งมาก

เมื่อเอ่ยถึง โลชั่นสําหรับผิวแห้งมาก ถ้าไม่พูดถึงโลชั่นที่มีส่วนผสมของน้ำมันมะพร้าวคงไม่ได้! เพราะในมะพร้าวเต็มไปด้วยคุณประโยชน์ในเรื่องการดูแลผิว ซึ่งในโลชั่นตัวนี้นอกจากจะมีส่วนผสมของน้ำมันมะพร้าวแล้ว ยังอุดมไปด้วยโคเอนไซม์ คิวเทน และวิตามินอี ที่พร้อมจะช่วยคืนความเนียนนุ่มมาสู่ผิว และคุณสมบัติพิเศษในการเก็บกักความชุ่มชื้นไว้กับผิวได้อย่างยาวนาน 

6. โลชั่นสําหรับผิวแห้งมาก JERGENS Shea Butter 

โลชั่นสําหรับผิวแห้งมาก

อีกหนึ่งโลชั่นที่ได้รับความนิยมจากสาวๆ ว่าเป็นสุดยอดโลชั่นที่ผลิตขึ้นสำหรับคนผิวแห้ง ด้วยตัวเนื้อครีมมีความเข้มข้นแบบสุดๆ จึงช่วยทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น พร้อมฟื้นฟูผิวที่แห้งกร้าน แตกเป็นขุย ให้กลับมาเนียนนุ่มสุขภาพดี น่าสัมผัส ดังนั้นสาวผิวแห้งมากๆ คนไหนกำลังมองหาตัวช่วย บอกเลยว่าโลชั่นตัวนี้จะตอบโจทย์ให้กับสาวๆ อย่างแน่นอน 

7. ELIZABETH ARDEN GREEN TEA HONEY DROP Body cream

โลชั่นสําหรับผิวแห้งมาก

ถ้าสาวๆ คนไหนกำลังมองหาโลชั่นบำรุงผิวแห้งแบบมอยส์เจอร์ไรเซอร์เข้มข้น แนะนำโลชั่นตัวนี้ที่ดีงามมากเลย เพราะนอกจากเนื้อครีมจะเข้มข้นแล้ว ยังมีส่วนผสมของน้ำผึ้งแท้ผสมผสานกับสารสกัดจากชาเขียวและส้มแมนดาริน ทำให้ครีมมีความหอมบางเบาธรรมชาติ ที่พร้อมจะเติมเต็มความชุ่มชื้น บำรุงผิวอย่างมีประสิทธิภาพ แถมไม่ทิ้งความเหนอะหนะไว้บนผิวอีกด้วย 

8. โลชั่นสําหรับผิวแห้งมาก PAULA’S CHOICE CLINICAL ULTRA-RICH SOOTHING BODY BUTTER 

โลชั่นสําหรับผิวแห้งมาก

คุณสมบัติพิเศษของโลชั่นผิวแห้งตัวนี้สามารถลดความหยาบกร้านของผิว และยังช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นยาวนานถึง 12 ชั่วโมงด้วยกัน ด้วยสรรพคุณของ Shea Butter ที่พร้อมจะช่วยปกป้องผิวให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น ตัวเนื้อครีมก็ไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้รวดเร็ว ทำให้ผิวที่แตกราบลื่น แลดูสุขภาพดีอ่อนเยาว์ และปราศจากจากน้ำหอม รวมทั้งสารปรุงแต่งอื่นๆ 100% 

9. DHC OLIVE BODY BUTTER

โลชั่นสําหรับผิวแห้งมาก

โลชั่นผิวแห้งสูตรเข้มข้นอุดมไปด้วยคุณค่าจากน้ำมันธรรมชาติที่เต็มไปด้วยสารพัดประโยชน์ ได้แก่ น้ำมันมะกอก น้ำมันอะโวคาโด น้ำมันมะพร้าว น้ำมันสวาเลน น้ำมันอาร์แกน เชียร์บัตเตอร์ และโกโก้บัตเตอร์ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น เนื้อครีมมีความนุ่มลื่น แต่ไม่เหนียวเหนอะหนะ รับรองว่าสาวผิวแห้งถูกใจอย่างแน่นอน 

10. โลชั่นสําหรับผิวแห้งมาก SOAP & GLORY THE RIGHTEOUS BUTTER BODY LOTION 

โลชั่นสําหรับผิวแห้งมาก

ขึ้นชื่อว่า Soap & Glory แล้ว หลายคนคงจะนึกถึงกลิ่นหอมหวานอันแสนโดดเด่น สำหรับโลชั่นผิวแห้งตัวนี้ ยังมีเนื้อครีมที่เข้มข้น แต่ทว่าไม่เหนียวเหนอะหนะ พร้อมจะให้ความชุ่มชื้นกับผิว และในระหว่างวันยังช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นทำให้ผิวเนียนนุ่มน่าสัมผัส

ถึงแม้ว่าเกิดมาเป็นสาวผิวแห้งจะค่อนข้างลำบากไปสักหน่อย จึงจำเป็นต้องใส่ใจดูแลตัวเองเป็นพิเศษ การทาโลชั่นเพิ่มความชุ่มชื้นถึงจะสำคัญ แต่การบำรุงจากภายในก็สำคัญไม่แพ้กัน เช่น การทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้ว เรียกได้ว่าสวยจากภายในมาสู่ภายนอก เพียงเท่านี้ก็บอกลาปัญหาผิวแห้งไปได้เลย หรือสาวๆ คนไหนที่อยากมีผิวขาวสวย คุณอาจสนใจบทความนี้ แบรนด์โลชั่นทาผิวขาว


10 วิธีแก้ หน้าแห้งลอกเป็นขุย ที่ดีที่สุด พร้อมวิธีป้องกันแบบได้ผล

โลชั่นสําหรับผิวแห้งมาก

10 วิธีแก้ หน้าแห้งลอกเป็นขุย ที่ดีที่สุด พร้อมวิธีป้องกันแบบได้ผลดี เชื่อได้ว่าเข้าสู่หน้าหนาวทีไร สาวๆ หลายคนที่ประสบปัญหาเรื่องผิวแห้ง แตก ลอกเป็นขุย คงกลุ้มอกกลุ้มใจไม่ใช่น้อย เพราะเมื่อสัมผัสไปที่ผิวบริเวณไหนก็รู้สึกแห้ง ไม่เนียนนิ่ม เหมือนดั่งเคย ซึ่งสาเหตุมาจากในช่วงที่มีอากาศหนาวเย็นร่างกายของเราก็จะขาดความชุ่มชื้น

แต่ทว่าถ้าสาวๆ หมั่นดูแลผิวและบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยบรรเทาอาการผิวแห้งไปได้ มาลองดูกันดีกว่า 10 วิธีที่จะช่วยให้ผิวของสาวๆ เนียนสวย แม้จะเป็นช่วงหน้าหนาวก็ตาม 

1. ละเว้นการอาบน้ำอุ่น

ละเว้นการอาบน้ำอุ่น

ทุกครั้งที่อากาศหนาวเย็น สาวส่วนมากเลือกที่จะอาบน้ำอุ่นแต่ทราบหรือไม่ว่าเจ้าน้ำอุ่นเนี่ยล่ะที่ดึงความชุ่มชื้นออกจากผิวของเรา โดยน้ำอุ่นจะเข้าไปล้างไขมันในเซลล์ชั้นผิวของเรา ส่งผลให้ผิวไม่สามารถที่จะกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ได้ จึงเป็นเหตุให้เราผิวแห้ง แตก ลอกเป็นแผ่นๆ ตามมา กรณีที่ตัดใจอาบน้ำเย็นไม่ได้อนุโลมให้อาบน้ำอุ่นขัดถูตัวให้สะอาดแล้วค่อยใช้น้ำอุณหภูมิปกติตบท้ายทีหลังก็ได้ 

2. ล้างหน้าวันละ 1-2 ครั้ง

ล้างหน้าวันละ 1-2 ครั้ง

ถึงแม้ว่าการล้างหน้าจะช่วยชะล้างสิ่งสกปรกบนใบหน้า ทำให้ใบหน้าสะอาด และยังช่วยลดการอุดตันที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว แต่ไม่ใช่สำหรับในหน้าหนาวเพราะการที่เราล้างหน้าบ่อยๆ ผิวหน้าของเราจะไม่มีไขมันในการเก็บกักความชุ่มชื้นเอาไว้ ฉะนั้น ใน 1 วันจึงควรล้างหน้าเพียงวันละ 1-2 ครั้ง คือ ช่วงเช้าและช่วงเย็นก็เพียงพอแล้ว 

3. หมั่นทาเบบี้ออยล์หลังอาบน้ำเสร็จทุกครั้ง

หมั่นทาเบบี้ออยล์หลังอาบน้ำเสร็จทุกครั้ง

ทุกครั้งหลังจากอาบน้ำเสร็จให้เช็ดตัวพอหมาดๆ แล้วนำเบบี้ออยล์มาทาให้ทั่วผิวหน้าและผิวกาย เพราะเบบี้ออยล์จะช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นได้ยาวนานขึ้น แถมยังช่วยทำให้ผิวเนียนนุ่มน่าสัมผัส นอกจากนั้นเบบี้ออยล์ยังนำมาหมักผมก่อนสระผมได้ด้วย โดยใช้เบบี้ออยล์ชโลมไปที่เส้นผมให้ทั่วทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที จะทำให้ผมมีน้ำหนัก ลดอาการแห้งเสียและแตกปลายได้ดี 

4. ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นประจำ

ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นประจำ

หลังจากทาเบบี้ออยล์เรียบร้อยแล้ว สาวๆ จะรู้สึกว่าตัวลื่นๆ มันๆ แนะนำว่าควรทามอยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุงเข้าไปให้ทั่วร่างกายทับไปอีครั้ง รวมทั้งที่บริเวณผิวหน้าด้วย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงผิวให้ดีมากยิ่งขึ้นแบบคูณ 2 เลยทีเดียว 

5. ว่านหางจระเข้ช่วยให้ชุ่มชื้น

ว่านหางจระเข้ช่วยให้ชุ่มชื้น

อย่างที่ทราบว่าว่านหางจระเข้เป็นสมุนไพรที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว ขนาดที่ผิวได้รับความร้อนมากๆ จนถึงขั้นไหม้ เมื่อนำว่านหางจระเข้ไปทาถูที่บริเวณรอยไหม้ ยังทำให้รอยไหม้ดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด และยังรู้สึกว่าผิวดูชุ่มฉ่ำ อิ่มน้ำ ส่วนวิธีการให้นำเอาวุ้นว่านหางจระเข้บดละเอียดมาทาไปจนทั่วผิวหน้า ทาซ้ำๆ แบบนี้ทุกวัน ผิวหน้าที่แห้งลอกก็จะค่อยๆ ดีขึ้น หรือใครที่ไม่อยากใช้ว่านหางจระเข้สดก็อาจเลือกใช้เป็นครีมบำรุงผิวหน้าแห้งแทนก็ได้เช่นกัน

6. พอกหน้าด้วยน้ำผึ้งผสมไข่แดง

พอกหน้าด้วยน้ำผึ้งผสมไข่แดง

สาวๆ อาจจะเลือกใช้น้ำผึ้งทาหน้าอย่างเดียวก็ได้ แต่เพื่อให้ผิวหน้าเนียนนุ่มชุ่มชื้นมากขึ้นกว่าเดิม แนะนำว่าให้นำไข่แดงเข้ามาเสริม โดยนำน้ำผึ้งมา 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับไข่แดงสด 1 ฟอง ตีจนส่วนผสมทั้งสองเข้ากันเป็นอย่างดีแล้วก็นำไปทาผิวหน้าจนทั่ว หลังจากนั้นปล่อยทิ้งไว้ 10-15 นาทีค่อยล้างออก สูตรพอกหน้านี้จะช่วยรักษาผิวหน้าแห้งที่ลอกให้ค่อยๆ ดีขึ้น 

7. ทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน

ทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้านแสงแดดจัดได้ว่าเป็นตัวการที่ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นและทำให้ผิวหน้าเสื่อมสภาพและผิวลอกได้นั่นเอง ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันทุกครั้งก่อนออกจากบ้านควรทาครีมกันแดด ด้วยการเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30+ PA+++ ขึ้นไป รวมทั้งแม้อากาศจะหนาวมากแค่ไหนก็ตามก็ควรทากันแดด อย่าพยายามเอาหน้าหรือตัวไปสัมผัสแดด เพราะหวังว่าจะอุ่นขึ้น เพราะแดดก็คือแดดวันยันค่ำ 

8. ปิโตรเลียมเจลลี่ช่วยผิวที่ลอกได้

ปิโตรเลียมเจลลี่ช่วยผิวที่ลอกได้

ถ้าพูดถึง “วาสลีน” เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะสรรพคุณที่ไม่ธรรมดา อาทิ ทาริมฝีปากช่วยลดปากลอกปากแตกได้ เมื่อนำไปทาผิวบริเวณที่แห้งกร้าน แตกเป็นขุย คุณจะสัมผัสได้ว่าผิวบริเวณนั้นกลับมาชุ่มชื้น เนียนนุ่มขึ้น

และหากสาวๆ คนไหนทาแป้งแล้วยังเห็นผิวเป็นขุยๆ ที่ใบหน้า แนะนำให้ทาวาสลีนลงไปเสียก่อน แล้วค่อยทาแป้งทับลงไป รับรองว่าจะช่วยกลบร่องรอยขุยๆ ได้เป็นอย่างดีเชียวล่ะ 

9. ดื่มน้ำให้ได้ไม่ต่ำกว่าวันละ 8 แก้ว

ดื่มน้ำให้ได้ไม่ต่ำกว่าวันละ 8 แก้ว

วิธีง่ายๆ ที่สามารถทำได้เองนั่นก็คือ “ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว” เพราะเพียงเท่านี้ผิวของเราก็สามารถชุ่มชื้นขึ้นจนเรารู้สึกได้ เพราะน้ำคือส่วนประกอบสำคัญของร่างกาย เมื่อเราดื่มน้ำในปริมาณเพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ แน่นอนว่าผิวของเราก็จะมีสุขภาพแข็งแรงดีขึ้น 

10. เสริมความแข็งแรงของผิวด้วยอาหารที่มีประโยชน์

เสริมความแข็งแรงของผิวด้วยอาหารที่มีประโยชน์

การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างผักผลไม้เป็นประจำ จะช่วยรักษาเซลล์ผิวของสาวๆ ให้มีความแข็งแรง ชุ่มชื้น เปล่งปลั่งและกระจ่างใส เรียกได้ว่าเป็นการบำรุงจากภายใน ฉะนั้น ไม่ว่าอากาศจะหนาวเย็นแค่ไหนก็ไม่สะเทือนผิวของคุณอย่างแน่นอน

เป็นอย่างไรกันบ้างกับเคล็ดลับการดูแลผิวพรรณที่จะช่วยให้คุณสาวๆ หมดกังวลกับปัญหา ผิวแห้ง ผิวแตก ผิวลอก และผิวลอกเป็นขุย ฉะนั้น หนาวนี้สาวๆ ก็กล้าที่จะเผยผิวสวยอวดสายตาใครๆ โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาเหล่านี้ได้แล้ว


อ้างอิง:

รู้ลึก “ผิวแห้ง” ปัญหาหน้าขุยสุดเบื่อหน่าย ทาครีมอะไรก็ไม่ติด!.  https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/1490523

What Causes Dry Skin and How to Treat It. https://www.healthline.com/health/dry-skin

ครีมบํารุงมือ และครีมบำรุงผิวกาย ที่ใช้แล้วดี เผยผิวเนียนนุ่มน่าสัมผัส

ครีมบํารุงมือ และครีมบำรุงผิวกาย ที่ใช้แล้วดี เผยผิวเนียนนุ่มน่าสัมผัส

ครีมบํารุงมือ 10 ยี่ห้อแนะนำใช้แล้วดี มือเนียนนุ่มน่าสัมผัส การใช้ครีมทาผิว ไม่จำเป็นว่าจะต้องใช้ทาที่แขน ขา หรือใบหน้าเท่านั้น การทาที่มือก็สำคัญ เพราะบางคนอาจจะทำงานหนัก หรืออยู่ในสภาพเวลาที่ทำให้มือเหี่ยวย่นได้ไว ทำให้ต้องมีการบำรุงอยู่ตลอดเวลา และวันนี้เราก็มี 10 ครีมบํารุงมือ ที่ใช้แล้วมือนุ่มน่าสัมผัสแน่นอน อย่ารอช้าไปดูว่ามีอะไรบ้าง 

1. THANN Eden Breeze Hand Cream

ครีมบำรุงมือ

ตัวแรกเป็น ครีมบํารุงมือ ที่มีเนื้อบางเบา นิ่มละมุน ทำให้ซึมซับเข้าสู่ผิวได้ดี โดยครีมนี้จะเหมาะกับทุกสภาพผิว แถมยังอุดมด้วยกรดไขมันที่จำเป็นต่อผิวหนัง ซึ่งจะไปช่วยรักษาสมดุลความชุ่มชื้นของผิวหนังได้ดี และมีน้ำมันสกัดจากธรรมชาติ 7 ชนิด ที่ช่วยชะลอการเหี่ยวย่นของผิว ช่วยเก็บรักษาความชุ่มชื้น ให้กับผิวได้อยู่ตลอด ช่วยลดการระคายเคืองในผิวได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งยังมีกลิ่นหอมเล็กๆ ซึ่งสามารถช่วยปรับสมดุลระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้สามารถคลายความเครียด และช่วยบำบัดอาการนอนไม่หลับ ราคาอยู่ที่ 790 บาท 

2. ครีมบํารุงมือ BURT’S BEES Ultimate Care Hand Cream

ครีมบำรุงมือ

เป็นครีมบํารุงมือที่มีความเข้มข้น แต่ก็ไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึ่งสามารถเติมความชุ่มชื่นให้ผิวได้ดี แม้ผิวจะแห้งมากสักเท่าไร โดยจะไม่มีกลิ่นน้ำหอมให้ได้กลิ่นเลย และยังถนอมผิวหนังให้เรียบเนียน น่าสัมผัสด้วยส่วนผสมจากน้ำมันธรรมชาติ ซึ่งจะอุดมไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็น และยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่จะไปบำรุงผิว ซึ่งทำให้ผิวมีความชุ่มชื่น  และสามารถซึมได้เร็ว ทำให้ไม่ทิ้งคราบมันบนผิวมือหลงเหลือ ราคาอยู่ที่ 1,130 บาท

3. SUQQU Scented Moisturizing Hand Cream WT

ครีมบำรุงมือ

เนื้อครีมมีความบางเบา เรียบเนียน ละเอียด ไม่เหนียวมือ เพราะครีมมีส่วนผสมของ Emollient Oils ที่จะทำให้มือเนียนนุ่มชุ่มชื่น ดูมีสุขภาพดี และยังให้ความยืดหยุ่น และเติมเต็มความชุ่มชื้นได้ดี แถมยังช่วยต่อต้านริ้วรอย จุดด่างดำ ทำให้ผิวหนังมีความสว่างกระจ่างใส มากับกลิ่นหอมสดชื่นของชาขาว มะกรูด มะนาว ที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยนน่าใช้ ราคาอยู่ที่ 1,500 บาท

4. ครีมบํารุงมือ THE BODY SHOP Almond Hand & Nail Cream

ครีมบำรุงมือ

มาช่วยคืนความแข็งแรงให้ผิวหนังที่มือ ความแข็งแรงที่เล็บ โดยครีมนี้จะให้การบำรุงที่มากับกลิ่นหอมอัลมอนด์ และยังอุดมไปด้วยส่วนผสมสูตรเข้มข้นของเชียบัตเตอร์ เป็นหนึ่งใน โลชั่นสำหรับผิวแห้งมาก ที่ถ้าได้ใช้แล้วละก็วางไม่ลงแน่นอน ราคาอยู่ที่ 250 – 500 บาท 

5. HOHM Skin + Senses Hand Cream

ครีมบำรุงมือ

ครีมบํารุงมือ ตัวนี้เป็นครีมที่บางเบา ไม่เหนียวมือ ซึ่งก็จะบำรุงผิวมือให้มีความชุ่มชื้นขึ้น ลดเลือนริ้วรอยที่ไม่พึงประสงค์ ทำให้นุ่มนวลน่าสัมผัส แถมยังกำจัดปัญหามือแห้งหรือมือหยาบกร้านได้ดี เพราะตัวครีมจะมีสารสกัดจากธรรมชาติเข้มข้น ซึ่งเป็นทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื่น ดูกระจ่างยาวนานตลอดทั้งวัน และยังมากับกลิ่นที่หอม และมีให้เลือกถึง 5 กลิ่น ตามการใช้งาน ราคาอยู่ที่ 290 บาท

6. ครีมบํารุงมือ Galanaan Hand Perfume Lotion

ครีมบำรุงมือ

โลชั่นน้ำหอมที่ใช้สำหรับมือและแขนโดยเฉพาะ มีเนื้อครีมที่สัมผัสแล้ว อ่อนนุ่ม และยังเติมความชุ่มชื้นให้ผิว โดยการเติมน้ำและลดอาการแสบระคายเคืองผิว ด้วยสารสกัดจากอโลเวรา ผสมผสานคุณค่าสารสกัดจากจมูกข้าวสาลี และถั่วเหลือง ที่เต็มไปด้วยวิตามินอี ซึ่งจะมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย รวมทั้งสารที่ช่วยขจัดสารพิษ ทำให้ผิวดูเรียบเนียน ดูมีสุขภาพดี ราคาอยู่ที่ 249 บาท

7. HARNN Cymbopogon Hand Cream

ครีมบำรุงมือ

มากับ ครีมบํารุงมือ และเล็บโดยเฉพาะ ที่มาจากสารสกัดธรรมชาติหลากหลายชนิด ทั้งเชียบัตเตอร์ โกโก้บัตเตอร์ และน้ำสกัดจากผลองุ่น ที่ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื่น กระจ่างใส ช่วยลดอาการแสบระคายเคือง และช่วยลดริ้วรอย และความเหี่ยวย่นอันไม่ถึงประสงค์ออกไป ราคาอยู่ที่ 790 บาท

8. ครีมบํารุงมือ PAÑPURI Hand Cream

ครีมบำรุงมือ

ตัวนี้เป็นครีมแบรนด์ยุโรปที่ช่วยปกป้องผิวมือ ที่มีความหอมของกลิ่นดอกลาเวนเดอร์ออร์แกนิก และวานิลลามาดากัสการ์ ทำให้มีประสิทธิภาพในการปกป้องมือและช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวได้ดียิ่งขึ้น แถมครีมตัวนี้ยังสกัดจากพืชธรรมชาติมากถึง 95% ทำให้มีผิวที่เนียนนุ่ม อ่อนเยาว์ น่าสัมผัส ราคาอยู่ที่แค่ 75 บาท เท่านั้น 

9. NIVEA Hand Cream Q10 3in1

ครีมบำรุงมือ

แฮนด์ครีมจากแบรนด์ดังอย่าง NIVEA ครีมบํารุงมือ ตัวนี้จะช่วยเติมน้ำพร้อมกักเก็บความชุ่มชื่นให้ผิวมืออย่างยาวนานตลอดทั้งวัน แบบไม่ทิ้งคราบความเหนียวเหนอะหนะให้กวนใจแล้ว ยังช่วยปกป้องผิวจากรอยเหี่ยวย่น ริ้วรอย ด้วยสารสกัดจาก Q10 Plus Anti-oxidation Repair และปกป้องผิวจากอันตรายของแสงแดดได้อีกด้วย 

10. Vaseline Healthy Hands Nails Conditioning Pink

ครีมบำรุงมือ

ครีมบำรุงมือ ที่ทั้งราคาถูกและมีคุณภาพ ครีมทามือและเล็บจากแบรนด์วาสลีนก็ถือว่าตอบโจทย์ เพราะตัวนี้มีเนื้อสัมผัสที่บางเบา ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ อุดมด้วยคุณค่าจากเคราตินและมอยส์เจอร์ จึงช่วยบำรุงให้มือเนียนนุ่ม เติมเต็มความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก และยังช่วยบำรุงเล็บให้แข็งแรงขึ้นกว่า ทั้งยังมีกลิ่นหอม ๆ อ่อน ๆ ติดมือด้วย 

ครีมบํารุงมือ ก็เป็นอีกสิ่งที่ควรจะพกไว้ติดกระเป๋าเหมือนกัน เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่มือแห้งหรือลอก เชื้อโรคก็จะเข้ามาสู่ร่างกายได้ง่ายยิ่งขึ้น รวมถึงหลายคนอาจจะเน้นการบำรุงผิวกายหรือผิวหน้า แต่อาจจะละเลยการบำรุงมือและเล็บไป ดังนั้น อย่าลืมมองหาครีมทามือดีๆ  กลิ่นหอมๆ สักตัวมาลองใช้จะได้สวยทั้งตัวจรดปลายเล็บกันเลยทีเดียว


10 อันดับ ครีมบำรุงผิวกาย ยอดนิยม ที่คนรักคนหลงทั่วประเทศ

ครีมบำรุงมือ

นอกจาก ครีมบํารุงมือ แล้ว การบำรุงผิวกายก็สำคัญไม่แพ้กัน ครีมบำรุงผิวกาย 10 อันดับ ยอดนิยม ที่คนรักคนหลงทั่วประเทศ สำหรับทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวที่กำลังมีปัญหาเรื่องผิวหยาบแห้งเสีย และดูไม่สดใส หรือสำหรับใครที่กำลังมองหาครีมบำรุงผิว เพื่อช่วยให้ผิวพรรณได้รับการดูแลที่ดียิ่งขึ้น มาที่บทความนี้กันได้เลย เพราะเรากำลังจะบอกถึง 10 อันดับ ครีมบำรุงผิวยอดนิยมที่คุณไม่ควรพลาด 

1. CUTE PRESS IDEAL WHITE BRIGHTENING BODY LOTION

ครีมบำรุงมือ

ครีมบำรุงผิว ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ผสานคุณค่าด้วยวิตามินบี 3 ช่วยลดรอยหมองค้ำ ฟื้นฟูผิวที่แห้งกร้านให้กลับมาชุ่มชื้น และสดใสอ่อนกว่าวัย ราคาเบาๆ สบายกระเป๋าเพียง 199 บาท ปริมาณ 220 มล.

2. VASELINE HEALTHY WHITE UV LIGHTENING

ครีมบำรุงมือ

เห็นผลไวภายใน 2 สัปดาห์ทำให้ครีมบำรุงผิวตัวนี้เข้ามาติดในอันดับยอดนิยมของเรา เรียกได้ว่าสาวๆ หลายคนยกให้เป็นหนึ่งใน ครีมกลูต้าไวท์ที่ใช้ได้ผลจริง เพราะนอกจากจะมีวิตามินบี 3 ที่ช่วยบำรุงผิวอย่างล้นเหลือแล้ว ยังมีทริปเปิลซันสกรีนที่ช่วยปกป้องรังสียูวีจากแสงแดดได้ดีมากอีกด้วย 

3. NIVEA BODY LOTION UV WHITENING EXTRA CELL REPAIR & PROTECT

ครีมบำรุงมือ

ครีมทาผิวอีกตัวที่มาพร้อมกับการผสมสารกันแดด ให้เราได้บำรุงผิว และปกป้องผิวไปพร้อมกัน มีวิตามินซีสูงถึง 50 เท่า แหล่งรวมสารสกัดจากผลไม้นานาชนิด เช่น เซโรล่า เชอร์รี่ และคามู คามู บำรุงผิวได้ 8 ประการ ช่วยฟื้นผิวจากแสงแดดและธรรมชาติ สีผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ ลดรอยดำ เพิ่มความชุ่มชื้น และประโยชน์อีกมากมาย ราคา 225 บาท ขนาด 500 มล.

4. ORIENTAL PRINCESS BODY LOTION

ครีมบำรุงมือ

เนื้อครีมซึมซาบเข้าสู่ผิวอย่างรวดเร็ว ไม่เหนียว ไม่มัน แถมยังผสมความหอมที่อ่อนละมุม จนทำให้เกิดความผ่อนคลายได้ตลอดทั้งวัน

5. JERGENS ORIGINAL SCENT

ครีมบำรุงมือ

กลิ่มหอมบำบัดจากเชอร์รี่อัลมอนด์ ที่ถูกผสมเข้าไปทำให้ครีมบำรุงผิวตัวนี้ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ช่วยเรื่องผิวแห้งได้ทันที พร้อมสดชื่นตลอดทั้งวันไม่ว่าจะทำกิจกรรมอะไร ก็มีผิวที่เนียนนุ่มได้ตลอดเวลา

6. CITRA PEARLY WHITE UV EXTRA

ครีมบำรุงมือ

Citra ชื่อนี้การันตีคุณภาพในเรื่องของครีมบำรุงผิว ตัวนี้มาพร้อมการผสมสารจากบัวหิมะ ที่ช่วยให้ผิวดูมีออร่าเหมือนดารา ช่วยฟื้นฟูผิวที่หมองคล้ำ และป้องกันไม่เกิดปัญหาผิวเสียอย่างตรงจุดกับส่วนผสมของ UV Protection ป้องกันได้หมดทั้ง UVA และ UVB

7. CeraVe Daily Moisturizing Lotion

ครีมบำรุงมือ

โลชั่นบำรุงผิวกาย ตัวนี้เหมาะมากกับคนที่ผิวแห้งกร้าน รวมไปถึงผิวแพ้ง่าย ขาดความชุ่มชื้น ประกอบไปด้วย เซราไมด์ที่จำเป็นต่อผิว  3  ชนิด โดยสกัดจากพืชธรรมชาติ พร้อมผสานด้วยไฮยาลูรอนิกแอซิด ช่วยชดเชยความชุ่มชื้น และเสริมสร้างปราการปกป้องผิวให้ผิวแข็งแรงมากขึ้น

8. Garnier Light Complete Extra Whitening Repairing Milk Lotion

ครีมบำรุงมือ

โลชั่นที่ช่วยบำรุงผิวเพื่อผิวกระจ่างใสเป็นธรรมชาติ ช่วยลดเลือนจุดด่างดำและขจัดความหมองคล้ำบนผิวกายด้วยสารสกัดบริสุทธิ์จากมะนาว พร้อมกรองรังสียูวีเอและยูวีบี ให้คุณอวดผิวสวยอย่างมั่นใจ เป็นครีมทาผิวที่กลิ่นจะออกไปทางเลม่อนหอมอ่อนๆ ไม่ฉุน เนื้อซึมไว ใช้เป็นกันแดดทาในช่วงเช้าของวันได้ด้วย

9. BHAESAJ Extra Whitening Lotion

ครีมบำรุงมือ

ครีมทาผิวจากเภสัช อีกหนึ่งโลชั่นในตำนาน อุดมไปด้วยส่วนผสมเพื่อบำรุงผิวให้กระจ่างใสแบบจัดเต็ม แต่ตัวที่โดดเด่นที่สุดของสูตรนี้คงไม่พ้นอัลฟ่าอาร์บูตินที่มีส่วนช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ช่วยเคลียร์ปัญหาจุดด่างดำและผิวหมองคล้ำ ทำให้ผิวแลดูสดใสสุขภาพดี และยังมีผสมสารกันแดดมาให้ในตัว เรียกได้ว่าเป็น ครีมแบรนด์ไทยช่วยผิวสวย ในราคาย่อมเยาจริงๆ

10 Clarins Renew-Plus Body Serum

ครีมบำรุงมือ

โลชั่นบำรุงผิวเนื้อเซรั่ม จากแบรนด์ Clarins ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก มีส่วนผสมจากสารสกัดของพืชพรรณธรรมชาติ อ่อนโยนต่อผิว มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าเผยผิวใหม่ ลดเลือนจุดด่างดำ กระ บำรุงผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื่น ผิวขาวกระจ่างใสเป็นธรรมชาติ 

หมดห่วงเรื่องแดดเมืองไทย เพียงแค่ทา ครีมบำรุงผิวกาย แล้วสบายใจก็กล้าโชว์ความขาวใสของผิว ให้หลายคนต้องตกหลุมกับเสน่ห์ของผิวคุณที่ส่องสว่าง ขาวเนียน แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าจะมีอะไรดีๆ มาแนะนำกันอีก อย่าลืมมาติดตามกันนะ


อ้างอิง

แนะนำ 10 “โลชั่นผิวขาว” ยิ่งทา ยิ่งออร่าพุ่ง!!. https://www.wongnai.com/highlight-products/whitening-cream-aura

หน้าแห้งใช้อะไรดี 10 อันดับ ครีมแก้ผิวหน้าแห้งได้ผลดีที่สุด

หน้าแห้งใช้อะไรดี 10 อันดับ ครีมแก้ผิวหน้าแห้งได้ผลดีที่สุด

หากว่าสาวๆ คนไหนที่มีผิวหน้าปกติก็ถือได้ว่าเป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง แต่สำหรับสาวผิวหน้าแห้งที่ต้องผจญกับความแห้งกร้าน ไม่ชุ่มชื่น ก่อให้เกิดผิวแพ้ง่าย บางคนถึงกับผิวหน้าลอกเป็นขุย แต่งหน้าไม่สวยงาม ที่สำคัญเมคอัพไม่ติดทนต้องหมั่นเติมเครื่องสำอางบ่อยๆ คิดแล้วคงปวดหัวแทนไม่ใช่น้อยเลยใช่มั้ยคะ โดยเฉพาะใกล้ถึงหน้าหนาวแล้วสาวผิวแห้งคงจะวิตกกังวลว่า หน้าแห้งใช้อะไรดี และจะแก้ปัญหาได้อย่างไร

ซึ่งปัญหาของสาวผิวแห้งจะหมดไปเมื่อได้รับการดูแลและรักษาอย่างถูกวิธีเพราะสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวหน้าแห้งเพราะดูแลผิวหน้าไม่ตรงกับสภาพของผิวหน้านั่นเอง วันนี้เราเลยจะมาแนะนำ 10 อันดับ ครีมแก้ผิวหน้าแห้งได้ผลดีที่สุด

1. THE BODY SHOP Body Butter

หน้าแห้งใช้อะไรดี

สำหรับ The Body Shop Body Butter ขึ้นชื่อว่าเป็นไอเทมเด็ด สาวๆ หลายคนที่เคยใช้ต่างชื่นชอบด้วยเนื้อครีมที่มีความเข้มข้น ไม่ทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ และเมื่อทาก่อนนอนเวลาที่ตื่นขึ้นมาสามารถสัมผัสได้ว่าผิวเนียนนุ่มสุดๆ

ในส่วนของกลิ่นก็มีให้เลือกหลากหลาย ซึ่งส่วนใหญ่จะออกแนวธรรมชาติเบาๆ แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน ราคาอาจจะแรงไปเสียหน่อย แต่รับรองว่าหนึ่งกระปุกสามารถใช้งานได้นานถือว่าคุ้มค่าเลยทีเดียว บอกเลยว่าครีมตัวนี้เป็นอีกหนึ่งไอเทมที่สาวๆ ต้องมี!

2. L’OCCITANE ALMOND MILK CONCENTRATE

หน้าแห้งใช้อะไรดี

สาวๆ คนไหนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของ L’Occitane คงทราบดีว่าครีมตัวนี้ ข้อดีคือมีกลิ่นหอมมากโดยเฉพาะกลิ่นหอมของ Almond และตัวของเนื้อครีมที่ไม่หนักเกินไป

แต่สรรพคุณแน่นไปด้วยสูตรเข้มข้นที่บำรุงผิวได้อย่างล้ำลึกช่วยทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นยาวนาน พร้อมด้วยส่วนผสมของสารสกัดจากอัลมอนด์และวอลนัท ยิ่งช่วยให้ผิวเต่งตึง กระชับ ผิวเฟิร์มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหมาะสำหรับสาวๆ ที่มีปัญหาผิวหน้าแห้งอย่างมาก

3. PHARMACOK’F BURNOVA GEL PLUS

หน้าแห้งใช้อะไรดี

เจลว่านหางจระเข้ตัวนี้สาวๆ หลายคนยกให้เป็นไอเทมโปรดในการแก้ปัญหาสิว รอยสิว และสาวผิวหน้าแห้งก็สามารถนำไปใช้ได้ดีเช่นเดียวกัน ด้วยเพราะเจลว่านหางจระเข้ตัวนี้นำไปใช้ทาบำรุงผิวหน้า ช่วยให้ผิวหน้าที่แห้งอยู่ให้ชุ่มชื้นขึ้น แถมยังลดอาการแพ้หรือคันได้อีกด้วย

4. JERGENS ULTRA HEALING EXTRA DRY SKIN MOISTURIZER

หน้าแห้งใช้อะไรดี

ครีมนำเข้าจากต่างประเทศยอดนิยมมาหลายยุคหลายสมัย เรียกได้ว่าเป็นไอเทมเด็ดที่ใช้กันมาตั้งแต่รุ่นคุณแม่เลยทีเดียว โดยเฉพาะครีมรุ่นนี้ถูกผลิตขึ้นมาสำหรับเป็นโลชั่นสำหรับผิวแห้งสำหรับสาวๆ โดยเฉพาะ

เมื่อใช้ไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง คุณก็จะพบความเปลี่ยนแปลงของผิวได้อย่างชัดเจน ผิวของคุณจะเนียนนุ่มชุ่มชื้นขึ้น แต่กระซิบก่อนว่าครีมตัวนี้จะค่อนข้างหนืดพอสมควรถ้าอยากสวยคงต้องทนหน่อยนะจ๊ะ

5. SKINFOOD QUINOA RICH BODY CREAM

หน้าแห้งใช้อะไรดี

แบรนด์ชื่อดังสัญชาติเกาหลียอดนิยมของสาวไทย ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องของสกินแคร์ เครื่องสำอาง รวมทั้งครีมบำรุงผิวก็เป็นหนึ่งในไอเทมเด็ดที่น่าใช้มากๆ และสำหรับสาวผิวแห้งก็ต้อง Quinoa Rich Body Cream ตัวนี้ เนื้อครีมมีลักษณะคล้ายๆ มูส นุ่มๆ กลิ่นข้าวหอมอ่อนๆ เมื่อใช้แล้วสัมผัสได้ว่าผิวนุ่มชุ่มชื้นแบบสุดๆ สาวๆ คนไหนที่สนใจก็ไม่ต้องบินไกลถึงเกาหลีแล้ว เพราะในไทยก็มีช้อปให้เลือกซื้อกันแล้วจ้า

6. CETAPHIL MOISTURIZING CREAM

หน้าแห้งใช้อะไรดี

แบรนด์ดังที่ไม่ได้มีดีแค่สบู่เพียงอย่างเดียว ตัวครีมบำรุงผิวผสมมอยส์เจอไรเซอร์ก็ถือว่าเริ่ดเหมือนกัน ยิ่งครีมตัวนี้ที่ผลิตมาให้เฉพาะสาวผิวแห้งและแพ้ง่าย ฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องของความเข้มข้น

เพราะครีมมีความเข้มข้นมาก ที่สำคัญคือกระปุกใหญ่มากๆ อีกด้วย ใช้แล้วคุ้มสุดๆ แถมสาวที่พบปัญหาผิวแห้งมากและมีอาการคัน ตกสะเก็ด เป็นขุย ครีมตัวนี้สามารถช่วยได้อย่างยอดเยี่ยม 

7. NEUTROGENA HYDRO BOOST GEL CREAM

หน้าแห้งใช้อะไรดี

สาวคนไหนที่รู้สึกว่าตัวเองหน้าแห้งหรืออยู่ในที่ที่มีอากาศเย็นตลอดเวลา เจลตัวนี้สามารถเข้าไปช่วยฟื้นบำรุงผิวที่แห้งกร้านและขาดน้ำได้ แถมยังช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้นยาวนานได้ถึง 2 เท่า และมีสารสกัดจาก Olive ที่จะส่งผลให้หน้าเด้ง เนียนใสน่าสัมผัส

 8. LANEIGE WATER SLEEPING MASK

หน้าแห้งใช้อะไรดี

สุดยอดครีมที่ขึ้นชื่อเรื่องความสดชื่นและชุ่มชื้นของเกาหลีใต้ เป็นครีมบำรุงผิวหน้าและสลีปปิงมาส์ก เมื่อทาผิวหน้าไว้ตอนกลางคืนแล้วนอน ตื่นขึ้นมาจะรู้สึกว่าหน้าอิ่มน้ำ สัมผัสได้ว่าหน้าเด้งใสเนียนนุ่ม ตัวเนื้อครีมค่อนข้างบางเบา ทำให้ซึมเข้าสู่ผิวได้ง่ายและยังเย็นสบายผิว เมื่อได้ลองตัวนี้แล้วบอกเลยว่าติดใจแน่นอน! 

9. EUCERIN PH5 SKIN-PROTECTION LOTION F

หน้าแห้งใช้อะไรดี

Eucerin สูตรนี้ เป็นสูตรพิเศษที่มีส่วนผสมของน้ำมันช่วยหล่อเลี้ยงสูงมากกว่าสูตรอื่นๆ ฉะนั้นสาวผิวแห้งจึงไม่ควรพลาดที่จะนำมาใช้บำรุงผิวหน้า หรือคนที่ต้องอยู่ในที่อากาศเย็นบ่อยๆ เช่น ในห้องแอร์ ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน รับรองว่าผิวของคุณจะนุ่มชุ่มชื้นเนียนน่าสัมผัสอย่างแน่นอน 

10. PHYSIOGEL SOOTHING CARE CREAM

หน้าแห้งใช้อะไรดี

สาวผิวแพ้ง่ายหลายคนคงจะรู้จักแบรนด์นี้อย่างแน่นอน เพราะครีมตัวนี้ไม่ได้ช่วยแค่เรื่องผื่นแพ้หรือผื่นคันเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความแห้งของผิวให้ชุ่มชื้นขึ้นทันทีหลังใช้งาน และที่สำคัญมีความปลอดภัย 100% เพราะตัวครีมปราศจากสารกันเสีย น้ำหอม สี จึงมั่นใจได้ว่าจะไม่ทำให้ผิวแห้งลงกว่าเดิม

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 10 ครีมแก้หน้าแห้งที่จะช่วยบำรุงผิวหน้าของคุณให้กลับคืนสู่สภาพเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น ครีมบางตัวยังมีสรรพคุณให้หน้าขาวกระจ่างใส ฉะนั้นหน้าหนาวที่จะถึงนี้คงมีคำตอบสำหรับ หน้าแห้งใช้อะไรดี กันแล้ว แต่นอกเหนือจากครีมที่กล่าวมาครีมแบรนด์ไทยก็มีดีหลากหลายยี่ห้อที่ช่วยบำรุงผิวให้คุณได้เช่นกัน


ผิวหน้าแห้งมาก 10 วิธีแก้ผิวหน้าแห้ง หยาบกร้าน ที่คุณควรรู้

หน้าแห้งใช้อะไรดี

ผิวหน้าแห้งมาก 10 วิธีแก้ผิวหน้าแห้ง หยาบกร้าน ที่คุณควรรู้ สำหรับคนที่มีผิวหน้าแห้งอย่านิ่งนอนใจเป็นอันขาด หลายๆ คนอาจจะคิดว่าผิวหน้าแห้งนิดหน่อยนั้นดี เพราะไม่ต้องเผชิญกับสิวและความมันเยิ้ม

แต่ความจริงแล้วผิวหน้าแห้งก็เป็นผิวหน้าที่มีปัญหาและยังจะทำให้เกิดริ้วรอยและความแก่ของผิวหน้าตามมาได้ในภายหลัง ยิ่งใครที่มีผิวหน้าแห้งมากๆ ก็จะเกิดความหยาบกร้านขึ้นกับผิวหน้าอีกด้วย

เวลาที่แต่งหน้าก็จะเกิดเป็นขุย บางคนถึงกับผิวลอกในบางบริเวณ ไม่น่าดู แล้วผิวแห้งเกิดจากอะไรและมีวิธีแก้ไขให้ผิวสุขภาพดีขึ้นสวยเด้งขึ้นได้อย่างไรบ้าง? นั่นไม่ยากเลย เริ่มจากเรามารู้วิธีเคล็ดลับแก้ผิวแห้งเป็นสิวพร้อมทราบสาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าแห้งกันก่อน

สาเหตุที่ทำให้เกิดผิวหน้าแห้ง 

1. ผิวสูญเสียน้ำได้ง่าย

หน้าแห้งใช้อะไรดี

ผิวหน้าสูญเสียน้ำได้ง่ายก็เพราะผิวชั้นปกป้องเกิดความอ่อนแอ เพราะไขมันที่ควรมีในชั้นผิวลดลงทำให้สารให้ความชุ่มชื่นผิวสูญเสียไปกับน้ำหล่อเลี้ยงผิว ในผิวของเรามีประตูน้ำที่อยู่ภายในผิว เรียกว่า อควอพอรีน น้ำจึงไม่สามารถส่งผ่านจากเซลล์ผิวหนึ่งไปสู่อีกเซลล์ผิวหนึ่งได้อย่างราบรื่น เราจะเห็นว่ายิ่งอายุมากขึ้นก็มักจะประสบปัญหาผิวหน้าแห้งได้มากขึ้นด้วย 

2. การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

หน้าแห้งใช้อะไรดี

ช่วงที่อากาศร้อนจัดหรือมีลมแรงร่างกายจะสูญเสียน้ำจากผิวออกไปกับเหงื่อและจากลมที่สัมผัสผิว เมื่ออากาศเย็นในช่วงฤดูหนาวความชื้นในอากาศต่ำยิ่งทำให้ผิวหน้าแห้งเป็นขุย เมื่อนั้นเซลล์ผิวสูญเสียน้ำ ทำให้ผิวแห้ง หยาบกร้าน เกิดร่องริ้วรอยลึกขึ้น 

3. แสงแดด

หน้าแห้งใช้อะไรดี

แสงแดดเป็นศัตรูที่ร้ายกาจกับผิวหน้าโดยเฉพาะคนที่มีสภาพผิวหน้าแห้ง แสงแดดจะทำให้คุณยิ่งสูญเสียความชุ่มชื่นและยังทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้ง่าย 

4. การล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นและล้างหน้าบ่อย

หน้าแห้งใช้อะไรดี

หลายคนอาจคิดว่าเมื่อผิวแห้งก็แก้ด้วยการล้างหน้าบ่อยๆ ทำให้ผิวได้รับน้ำจะดูชุ่มชื่น แต่ในความจริงแล้วการล้างหน้าบ่อยๆ ไม่ได้ช่วยให้ผิวแห้งกลับชุ่มชื่นแต่อาจทำให้ผิวหน้าแห้งมากขึ้นไปอีก ยิ่งการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นจะเป็นการทำลายผิวและยังเป็นการเปิดรูขุมขนให้กว้าง ผิวหน้าไม่กระชับ หย่อนคล้อยง่ายด้วย 

5. การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์และเครื่องสำอาง

หน้าแห้งใช้อะไรดี

เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ที่คนผิวหน้าแห้งใช้ หากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมจะยิ่งเป็นการทำร้ายผิวให้สูญเสียน้ำและความชุ่มชื่นมากขึ้นไปอีก เช่น การใช้โฟมล้างหน้า การใช้เครื่องสำอางที่เป็นชนิดเนื้อแมตต์ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์มาก 

6. โรคจากพันธุกรรม

หน้าแห้งใช้อะไรดี

ผิวหน้าแห้งอาจจะเกิดจากพันธุกรรม คนบางคนมีลักษณะผิวหน้าแห้งมาตั้งแต่เริ่มต้น บางครอบครัวจะสังเกตได้ว่าเป็นครอบครัวที่มีผิวแห้ง หน้ามีริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ง่าย จึงต้องให้ความสำคัญกับการบำรุงผิวให้ไม่ขาดน้ำและมีความชุ่มชื่นอยู่เสมอ 

7. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

หน้าแห้งใช้อะไรดี

ผิวหน้าก็เช่นเดียวกับผิวกายคือมีการสูญเสียความชุ่มชื่นตามธรรมชาติจากการที่ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงไป เช่น ในตอนที่ตั้งครรภ์ หรือช่วงวัยหมดประจำเดือนของผู้หญิง 

8. อายุที่เพิ่มมากขึ้น

หน้าแห้งใช้อะไรดี

เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากมาก เมื่อคนเราอายุมากขึ้นความชุ่มชื่นตามธรรมชาติของผิวหน้าก็ลดลง ทำให้ผิวหน้าแห้งเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นและหยาบกร้าน แต่เราสามารถชะลอให้ผิวหน้าแห้งช้าลงได้ 

9. รับประทานอาหารไม่เหมาะสม

หน้าแห้งใช้อะไรดี

สารอาหารที่ขาดไปในการรับประทานอาหารเพียงบางชนิดกระทบต่อผิวหน้าได้ ทำให้ผิวหน้าแห้งมากและเป็นคนมีสภาพผิวหน้าแห้งจากพฤติกรรมและนิสัยในการกิน

10. ร่างกายขาดวิตามิน

หน้าแห้งใช้อะไรดี

นอกเหนือไปจากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หน้าแห้งได้ก็เกิดจากการที่ร่างกายขาดวิตามินจำพวก วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี เป็นต้น ทำให้ผิวหน้าแห้งลอกได้ง่าย


วิธีแก้ผิวหน้าแห้งมากและหยาบกร้าน 10 วิธี 

1. ดูแลผิวหน้าด้วยการดื่มน้ำสม่ำเสมอและเพียงพอ

หน้าแห้งใช้อะไรดี

วิธีง่ายๆ ที่มักถูกมองข้ามไปสำหรับการดูแลผิวหน้าแต่มักถูกมองข้ามไปก็คือการดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวันและดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอ การดื่มน้ำที่เพียงพอต่อผิวหน้าและผิวกายก็คือควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร และวิธีการดื่มน้ำก็คือค่อยๆ ดื่มในปริมาณไม่มากแต่ดื่มให้บ่อย เพราะการดื่มน้ำครั้งละมากๆ เร็วๆ ร่างกายก็ดูดซึมน้ำไม่ทันอยู่ดี น้ำที่ควรดื่มควรเป็นน้ำเปล่าบริสุทธิ์ 

2. เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่เหมาะสม

หน้าแห้งใช้อะไรดี

ผิวหน้าแห้งไม่เหมาะอย่างยิ่งกับการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีแอลกอฮอล์ผสมในปริมาณมาก ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไร้แอลกอฮอล์จะดีที่สุด ผิวหน้าแห้งไม่เหมาะกับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมแรงๆ และไม่ควรใช้โฟมล้างหน้า แนะนำให้ใช้เป็นครีมล้างหน้าหรือเจลล้างหน้าจะเหมาะและดีต่อผิวหน้าแห้งมากกว่า 

3. บำรุงผิวหน้าให้ชุ่มชื่นสม่ำเสมอ

หน้าแห้งใช้อะไรดี

ผิวหน้าแห้งจะต้องบำรุงด้วยการใช้ครีมบำรุงผิวหน้าที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์เข้มข้นจะดีที่สุด ในตอนเช้าควรใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุงหลังล้างหน้าทันทีเพื่อช่วยกักเก็บน้ำไว้ใต้ผิวหน้าและเพิ่มความชุ่มชื่นใต้ผิวหน้า และไม่ควรลืมที่จะใช้ครีมกันแดดด้วย ในช่วงเย็นหรือค่ำก็ควรทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ก่อนนอน

เพราะช่วงเวลากลางคืนผิวหน้าเสี่ยงต่อการสูญเสียน้ำ ยิ่งหากนอนในห้องแอร์ก็ยิ่งสูญเสียความชุ่มชื่นของผิวหน้ามาก สำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศที่ทำงานในห้องแอร์ตลอดวัน หรือคนที่ต้องเผชิญแดดตลอดวันผิวหน้าก็สูญเสียความชุ่มชื่นง่ายเช่นกัน อาจใช้วิธีทาครีมส่วนผสมมอยส์เจอร์ไรเซอร์ระหว่างวันด้วยก็จะเป็นการดี 

4. หลีกเลี่ยงการล้างหน้าบ่อย

หน้าแห้งใช้อะไรดี

การล้างหน้าบ่อยๆ จะทำให้ผิวหน้ายิ่งสูญเสียน้ำ สำหรับคนที่มีผิวหน้าแห้งต้องหลีกเลี่ยงการล้างหน้าบ่อยๆ ควรล้างหน้าเฉพาะตอนเช้าและเย็นอาจจะล้างในช่วงระหว่างวันได้บ้างในบางครั้ง 

5. เลือกใช้เครื่องสำอางแต่งหน้าที่เหมาะกับผิว

หน้าแห้งใช้อะไรดี

เครื่องสำอางแต่งหน้าก็มีส่วนทำให้ผิวหน้าแห้งมากขึ้นอีกได้และยังจะเน้นในจุดที่หน้าแห้งเป็นขุย หน้าเป็นริ้วรอยร่องลึกอันเกิดจากผิวหน้าแห้ง ความกร้านหมองไม่นุ่มชุ่มชื่น เครื่องสำอางที่เหมาะใช้ในการแต่งหน้าของสาวๆ ที่มีผิวหน้าแห้งก็คือ เครื่องสำอางที่เป็นครีมชุ่มชื่น เครื่องสำอางชนิดเจลและชนิดที่มีประกายมันวาวทำให้หน้าดูชุ่มชื่นและไม่ดูกร้านหมองหรือแห้ง 

6. ล้างหน้าด้วยน้ำเย็น

หน้าแห้งใช้อะไรดี

การล้างหน้าด้วยน้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิห้องจะทำให้ผิวหน้าสามารถกักเก็บความชุ่มชื่นได้ดีขึ้น น้ำเย็นยังไม่ทำลายเซลล์ผิวที่อ่อนแออยู่แล้วของคนผิวหน้าแห้งเสื่อมไปด้วย แต่น้ำเย็นกลับช่วยให้ผิวชุ่มชื่นและกระชับรูขุมขน ทำให้เซลล์ผิวเต่งตึงขึ้นได้ 

7. ไม่มาส์กหน้าบ่อยๆ

หน้าแห้งใช้อะไรดี

การมาส์กหน้าบ่อยๆ อาจจะเหมาะสำหรับคนที่มีผิวหน้ามันและคนที่มีผิวหน้าปกติ ไม่มีปัญหาผิวหน้ามากนัก แต่สำหรับคนที่มีผิวหน้าแห้งมาก ไม่ควรมาส์กหน้าบ่อยเพราะจะทำให้มาส์กดูดความชุ่มชื่นของผิวออกไป 

8. หลีกเลี่ยงการขัดผิวแรงๆ หรือบ่อย

หน้าแห้งใช้อะไรดี

ผิวหน้าของคนผิวแห้งเป็นผิวที่ไม่แข็งแรงและพร้อมที่จะเสียหายได้ง่าย เนื่องจากเซลล์ผิวอ่อนแอเปราะขาดได้ง่าย การขัดผิวหน้าบ่อยๆ จะยิ่งเป็นการทำร้ายผิวหน้าโดยไม่จำเป็น ดังนั้น คนที่มีผิวหน้าแห้งไม่ควรขัดผิวหน้าบ่อยๆ หรือขัดถูหน้าแรงเกินไป 

9. บำรุงผิวด้วยน้ำผึ้งและน้ำมันมะกอก

หน้าแห้งใช้อะไรดี

น้ำผึ้งดีต่อผิวหน้า ให้ใช้น้ำผึ้งมาส์กหน้าสักเดือนละ 1-2 ครั้งและใช้น้ำมันมะกอกนวดผิวหน้าให้ทั่วเบาๆ น้ำผึ้งจะผสานเซลล์ผิวและมีวิตามินที่ทำให้ผิวหน้าแข็งแรง น้ำมันมะกอกช่วยเคลือบผิวไม่ให้แห้งแตกเป็นขุยง่าย

10. รับประทานอาหารที่มีวิตามินสูง

หน้าแห้งใช้อะไรดี

การเลือกรับประทานอาหารที่บำรุงผิวหน้าแห้งเป็นวิธีแก้ปัญหาผิวหน้าแห้งมากที่ตรงจุดและยั่งยืนที่สุด โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินซีสูง วิตามินเอสูง แมกนีเซียมสูง และเบต้าแคโรทีนสูง

การดูแลผิวหน้าแห้งทั้ง 10 ประการอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ปัญหาผิวแห้งลดน้อยลง ผิวชุ่มชื่นและสวยขึ้นได้อย่างแน่นอน


อ้างอิง

https://www.rama.mahidol.ac.th/th/knowledge_awareness_health/26dec2019-1601

https://allwellhealthcare.com/dry-skin-dermatitis/

ครีมสำหรับคนหน้ามัน ครีมบำรุงผิวหน้าและรองพื้นที่อยากแนะนำ

5 ครีมสำหรับคนหน้ามัน ครีมบำรุงผิวหน้าที่อยากแนะนำ

สำหรับคนที่ผิวมัน ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากสำหรับการบำรุงผิว และการเลือกครีมทาหน้า เพราะว่าคนที่ผิวหน้ามันนั้นจะเกิดสิวได้ง่าย และหากว่าเลือกครีมทาหน้าที่มีส่วนผสมของน้ำมัน รับรองว่าผิวจะแย่กว่าเดิม และเกิดสิวมากมายแน่นอน วันนี้เราเลยอยากจะมาแนะนำ ครีมสำหรับคนหน้ามัน 5 ตัวเลือกยอดนิยมสำหรับคนไทย เพื่อให้ได้เลือกใช้ครีมทาหน้าได้ตรงกับสภาพผิวมากที่สุด

1. LA ROCHE-POSAY EFFACLAR MAT

ครีมสำหรับคนหน้ามัน

ครีมที่ผสมมอยส์เจอไรเซอร์ ซึ่งถูกสร้างมาเพื่อคนที่มีผิวมันโดยเฉพาะ ด้วยเนื้อครีมที่บางเบา ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ซึมเข้าสู่ผิวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ผิวหน้าเริ่มมันน้อยลง และยกกระชับรูขุมขนให้ดูเล็กลง นอกจากนี้ยังช่วยดูแลเรื่องปัญหาสิวอีกด้วย ราคาโดยประมาณที่ 950 บาท แต่ถือว่าคุ้มค่า ใช้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ

2. ครีมสำหรับคนหน้ามัน  GARNIER PURE ACTIVE ANTI-ACNE WHITE ACNE-CARE WHITENING CREAM

ครีมสำหรับคนหน้ามัน

สำหรับใครที่มีปัญหาผิวหน้ามัน หมองคล้ำ และเกิดสิวได้ง่าย เราขอเสนออีกหนึ่งตัวเลือกที่มีเนื้อครีมซึมเข้าสู่ผิวได้เร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ทำให้ไม่เกิดปัญหาอุดตันตามรูขุมขนจนเกิดสิว ท่านจะสามารถสังเกตได้ชัดเจนว่า ผิวหน้ามีความมันน้อยลง ในส่วนของราคาก็ถือว่าดีงาม นั่นก็เพราะว่าราคาเพียง 120-230 เท่านั้นเอง

3. PAN DERMACARE CLARIFYING SHINE CONTROL

ครีมสำหรับคนหน้ามัน

ครีมยอดนิยมที่หลายคนน่าจะเคยได้ลองใช้ เพราะ Pan เป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่ราคาไม่แพง เหมาะกับวัยนักเรียนนักศึกษา หลายผลิตภัณฑ์ก็ใช้ได้ผลน่าประทับใจจริงๆ และผลิตภัณฑ์ตัวนี้เองก็ช่วยสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องผิวมันได้อย่างมาก เพราะว่าจะควบคุมความมันได้ตลอดทั้งวัน ไม่ต้องซับหน้ากันอีกเลย และราคาก็ไม่แพงอีกด้วย สนนราคาที่ 550 บาทเท่านั้นเอง

4. ครีมสำหรับคนหน้ามัน  YVES ROCHER SEBO VEGETAL MATIFYING GEL CREAM

ครีมสำหรับคนหน้ามัน

ด้วยเนื้อครีมที่บางเบา เพราะว่าเป็นเนื้อเจลที่สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้เร็วมาก และช่วยในการแต่งหน้าให้เครื่องสำอางติดทนนาน และยังช่วยควบคุมความมันได้นาน ใครที่ไม่มีเวลาระหว่างวันในการดูแลผิวหน้าบ่อยครั้ง ตัวนี้รับรองว่าช่วยได้มากมายอย่างแน่นอน ราคาก็เบาๆ สบายกระเป๋าแค่ 490 บาทเท่านั้น

5. SKINFOOD PEACH SAKE PORE SERUM

ครีมสำหรับคนหน้ามัน

ครีมสำหรับคนหน้ามัน เนื้อเซรั่มที่สร้างเพื่อคนผิวมัน ให้เนื้อครีมบางเบา ซึมไว เอาอยู่เรื่องปัญหาสิว และผิวมัน นอกจากนี้ยังช่วยให้รูขุมขนดูเล็กลง คุณสมบัติมากมาย ใครๆ ก็นิยม และราคาก็ไม่แพงอีกด้วยประมาณ 300-400 บาทเท่านั้นเอง 

หมดปัญหากันแล้วสำหรับการเลือกครีมบำรุงผิวหน้า สำหรับผู้ที่มีสภาพผิวมัน กับ 5 ตัวเลือกยอดนิยม ครีมสำหรับคนหน้ามัน ที่จะช่วยยกระดับอัปเกรดผิวให้ความมันถูกขจัดหาย และหน้าใสได้ตลอดวัน แต่นอกจากการใช้ครีมแล้ว คุณอาจสนใจ วิธีช่วยบรรเทาปัญหาหน้ามัน เพื่อให้ใบหน้าของคุณไม่มันเยิ้ม


รองพื้นคุมมัน 7 ยี่ห้อขั้นเทพ ถูกและดี ยังมีอยู่ในโลก

ครีมสำหรับคนหน้ามัน

จุดเริ่มต้นของความสวยใส เปลี่ยนสาวหน้าสดให้เกิดความมั่น หน้าปัง ไปไหนก็มั่น ไปไหนก็เชิด สวยไม่สนใจใคร ตัวแม่ได้ทุกสถานการณ์ แต่รองพื้นระดับเทพที่ขึ้นชื่อว่าของดีมันก็ต้องมีราคาที่แพงจนน้ำตาตก แบบนี้สำหรับสาย SAVE จะต้องทำยังไง วันนี้เราเลยอยากจะมาแนะนำ รองพื้นคุมมัน 7 ยี่ห้อขั้นเทพ ถูกและดี ยังมีอยู่ในโลก แต่ที่สำคัญอย่าลืมว่าการเลือกใช้ครีมให้เหมาะกับผิวหน้าก็สำคัญเช่นกัน

1. REVLON COLORSTAY ราคา 550 บาท

ครีมสำหรับคนหน้ามัน

เจ้าของตำนานรองพื้นฝาดำอย่าง Revlon Colorstay แน่นอนว่าจะต้องติดอันดับของเราอยู่แล้วด้วยราคาเบาๆ ที่ 550 บาทเท่านั้น มาพร้อมกับรองพื้นฝาดำเข้ม ใช้กันทั้งบ้านทั้งเมือง เพราะว่าติดทนนานมาก ไม่ว่าจะโดนน้ำ เหงื่อ แดด ลม ฝน Revlon Colorstay เอาอยู่ ยิ่งเหล่านักศึกษาที่ต้องรับปริญญา บอกเลยว่าใช้กันทุกคน เพราะอยู่ทน อยู่นานตลอดทั้งวัน บิวตี้บล็อกเกอร์ ใช้กันเป็นประจำ รีวิวเพียบ แนะนำว่าใครจะใช้ขอให้เกลี่ยบางๆ ก็พอนะ เพราะว่าเนื้อค่อนข้างหนา 

2. ESSENCE STAY ALL DAY 16 H LONG-LASTING MAKE-UP ราคา 250 บาท

ครีมสำหรับคนหน้ามัน

ด้วยการการันตีว่าติดทนนานยาว 16 ชั่วโมง บิวตี้บล็อกเกอร์หลายคนจึงแนะนำตัวนี้ Essence Stay All Day 16 h Long-Lasting Make-up คุมมันยาวนาน ไม่ต้องกลัวแม้ว่าจะต้องพบปะผู้คนตลอดทั้งวัน ช่วยความคุมความมัน ปกปิดทุกริ้วรอยอย่างเป็นธรรมชาติ ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างชิลๆ ไม่หนักหน้า ราคาก็เบาเหลือเกิน เพียงแค่ 250 เท่านั้นเอง 

3. KMA WATER RESIST LIQUID FOUNDATION (OIL FREE) ราคา 390 บาท

ครีมสำหรับคนหน้ามัน

อีกตัวที่อยากแนะนำ รองพื้นยอดนิยมขวัญใจบิวตี้บล็อกเกอร์ KMA water resist liquid foundation เนื้อครีมแห้งเร็ว ไวเวอร์ คุมความมันแบบเอาอยู่ของจริง ไม่ได้โม้ เนื้อครีมบางเบา ไม่เหนียว ไม่โบ๊ะ หน้าไม่เยิ้มระหว่างวัน ปกปิดดีมาก ราคาก็เบาๆ 390 บาท เท่านั้น 

4. MAYBELLINE DREAM SATIN SKIN SPF24 PA++ ราคา 449 บาท

ครีมสำหรับคนหน้ามัน

ไม่ถึง 450 ราคากลางๆ แต่คุณภาพอันแน่นกับรองพื้น Maybelline dream satin skin SPF24 pa++ จากเมย์เบลลีน เนื้อละเอียดละมุมมาก เรื่องจริง เกลี่ยง่าย เรียบเนียนกริบ ปกปิดได้ทุกอย่าง ริ้วรอย จุดด่างดำ รอยหมองคล้ำ คุณภาพสูงมาก พร้อมกันแดดด้วย SPF24 pa++ กันแดดอย่างเพอร์เฟกต์ และยังบำรุงผิวให้ชุ่มชื่นด้วยเซรั่ม ที่สำคัญเหมาะกับสาวไทยทุกสีผิว และมีหลายเฉดสีให้เลือกเยอะมากๆ รับรองว่าโดนใจแน่นอน แนะนำจากใจเลยตัวนี้ 

5. L’OREAL TRUE MATCH LIQUID FOUNDATION ราคา 339 บาท

ครีมสำหรับคนหน้ามัน

รองพื้นเบาๆ ไม่หนักหน้า ใครที่ชอบแนวใสๆ เนื้อบางๆ ต้องตัวนี้ L’Oreal True Match Liquid Foundation ไม่วอก ไม่หนา มอบความชุ่มชื้น ขนาดว่ารู้สึกร้อนยังสามารถฉีดสเปร์ยบำรุงหน้าระหว่างวันได้

รองพื้นก็ไม่หายไปไหน ไม่ทิ้งคราบ แถมยังมี SPF กันแดดได้นิดหน่อย คุมมันได้แต่ไม่เยอะมาก เพราะว่าเน้นที่การแต่งบางๆ แบบใสๆ มากกว่า แบบที่ไม่ต้องออกกิจกรรมกลางแจ้งมากนัก เรื่องชื่อเสียงไม่เป็นรองใครอยู่แล้ว ราคาก็เบาๆ 339 บาท เท่านั้น  

6. BOURJOIS HEALTHY MIX FOUNDATION ราคา 525 บาท

ครีมสำหรับคนหน้ามัน

สวยๆ งามๆ กับรองพื้น Bourjois Healthy Mix Foundation สัญชาติฝรั่งเศส ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ งามๆ อย่างมีคุณค่าแบบออริจินัล เนเชอรัล ทั้งแอปริคอท เมลอน แอปเปิ้ล รวมอะไรมากมายได้อีกเยอะ

นอกจากจะช่วยปกปิดสภาพผิวที่ผ่านสงครามาอย่างโชกโชนได้แล้ว ยังบำรุงผิวกระจ่างใส คืนความอ่อนเยาว์ พร้อมกับกลิ่นหอมสดชื่น บอกเลยว่าดีต่อใจมากมาย แต่ราคาจะอัปขึ้นมาสักหน่อย 525 บาท  

7. CATRICE ALL MATT PLUS SHINE CONTROL MAKE UP ราคา 379 บาท

ครีมสำหรับคนหน้ามัน

แบรนด์นอกจากเยอรมนี เลอค่ากับ Catrice All Matt Plus Shine Control Make Up สูตรไม่มีน้ำมัน เพราะฉะนั้นจึงเป็นรองพื้นที่เนื้อเบามาก มากจริงๆ ไม่เชื่อต้องลองเอง ปกปิดได้ดี แต่ที่เด่นคือเรื่องความคุมความมันบนใบหน้า อันนี้ให้ 5 ดาว ตัวนี้สำหรับคนที่มีสภาวะผิวไม่มีร่องรอยมากเกินไป จะเหมาะมากราคาก็อยู่ที่ 379 บาท 

นี่ก็เป็น รองพื้นคุมมัน 7 ยี่ห้อขั้นเทพ ถูกและดี ที่นำมาแนะนำกัน ซึ่งการใช้รองพื้นควบคุมความมันก็เป็นหนึ่งใน วิธีคุมหน้ามันเยิ้ม ที่ดีอย่างหนึ่งใครถูกใจตัวไหน แบรนด์ไหนก็ไปลองหาซื้อมาใช้กันได้เลย


อ้างอิง

-วิธีแก้หน้ามัน ใช้อะไรดี? จะได้หมดกังวล หมดปัญหาผิวหน้ามัน!!. https://aquaplus.co.th/หน้ามันใช้อะไรดี/

10 รองพื้น คุมมัน ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกปิดดีเยี่ยม ไม่ตกร่อง. https://www.top10.in.th/ความงาม/รองพื้น-ยี่ห้อไหนดี/

10 วิธี คุมหน้ามัน แดดร้อนแบบนี้ต้องอ่าน ถ้าคุณไม่อยากหน้าเยิ้ม!

10 วิธี คุมหน้ามัน แดดร้อนแบบนี้ต้องอ่าน ถ้าคุณไม่อยากหน้าเยิ้ม!

10 วิธี คุมหน้ามัน แดดร้อนแบบนี้ต้องอ่าน ถ้าคุณไม่อยากหน้าเยิ้ม! ไม่ว่าจะฤดูกาลไหน เอกลักษณ์ของอากาศบ้านเราก็ยังคงร้อนอยู่วันยังค่ำ แม้ว่าในฤดูอื่นๆ จะไม่ได้อุณหภูมิสูงสุดๆ เฉกเช่นหน้าร้อนก็ตามที แต่ก็ยังทำให้เราต้องหาเสื้อผ้าบางๆ มาสวมใส่กันอยู่เสมอ

นอกจากอาการไม่สบายตัวเพราะเหงื่อออกบ่อย หรือแสบผิวจากแสงแดดแล้ว ก็ยังมีปัญหาหน้ามันนี่แหละที่กวนใจอยู่ตลอดเวลา บรรดาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่หมั่นเคลมว่าใช้ดีใช้เด่น คุมมันกันเต็มพิกัดก็ไม่อาจให้ผลลัพธ์อย่างที่โฆษณาไว้ได้จริง จนต้องเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ไปเรื่อยๆ แบบไม่มีที่สิ้นสุด นั่นก็เพราะปัญหาหน้ามันไม่ได้แก้ด้วยผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเพียงอย่างเดียว ยังมีปัจจัยอื่นที่เราต้องทำร่วมด้วยเพื่อเป็นวิธีช่วยลดหน้ามัน ทำให้หน้าลดการผลิตน้ำมันลงนั่นเอง

ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจสาเหตุของความมันกันก่อนเลย ไม่ใช่แค่คนผิวมันเท่านั้นที่จะมีอาการหน้ามันได้ คนผิวแห้งและผิวผสมก็มีโอกาสเจอภาวะที่ว่านี้ได้เหมือนกัน เพราะผิวหน้าของเรามีต่อมไขมันจำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณทีโซน คือ ช่วงกลางหน้าผากไล่ลงมาตามแนวสันจมูก ตรงนี้มีเหงื่อออกง่ายกว่าส่วนอื่นและแน่นอนว่าเกิดความมันได้ง่ายกว่าด้วย

แต่ละคนจะมีอัตราการผลิตน้ำมันที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์ อารมณ์ ความเครียด อากาศ การสัมผัส ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ดังนั้น หากจะหลีกเลี่ยงความมันบนใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องเข้าใจผิวของตัวเองอย่างลึกซึ้ง แล้วค่อยเลือกวิธีการดูแลที่เหมาะกับสภาพผิว เพราะถ้าทำไปสุ่มสี่สุ่มห้าก็จะไม่เกิดประโยชน์อะไร ทั้งยังอาจเป็นการทำร้ายผิวทางอ้อมอีกด้วย และนี่คือ 10 วิธี คุมหน้ามัน ที่น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับรับมือในทุกช่วงอากาศร้อน

1. ดื่มน้ำให้มากเข้าไว้

คุมหน้ามัน

วิธี คุมหน้ามัน วิธีแรกง่ายๆ เลย ลองดื่มน้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิปกติ เพราะว่าน้ำเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดของการดูแลร่างกายและผิวพรรณ น้ำเป็นองค์ประกอบที่มีปริมาณมากที่สุด ระบบต่างๆ ในร่างกายต้องการน้ำเพื่อหล่อเลี้ยงให้สามารถทำงานได้ตามปกติ เราจึงต้องดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในทุกๆ วัน 

หากเจาะประเด็นในเรื่องของความมันบนใบหน้า ก็พบว่าเซลล์ผิวจะชุ่มชื้นเปล่งปลั่งได้ก็ต่อเมื่อมีน้ำในเซลล์ หากสูญเสียน้ำไป เซลล์ผิวจะเหี่ยวลงและเริ่มมีความแห้ง ระบบร่างกายก็ต้องการที่จะรักษาสมดุลความชุ่มชื้นที่เซลล์ผิวเอาไว้ จึงเร่งผลิตน้ำมันออกมาเคลือบชั้นผิว ทำให้เราหน้ามันมากกว่าปกติ นั่นหมายความว่า ถ้าเราหมั่นเติมน้ำให้เซลล์ผิวอยู่เสมอ ต่อมไขมันก็จะผลิตน้ำมันออกมาน้อยลงนั่นเอง ดังนั้น ในระหว่างวันให้คอยจิบน้ำสะอาดตลอดเวลา โดยดื่มทีละนิดและรวมให้ได้สักวันละ 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย

2. เลือกทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามิน

คุมหน้ามัน

การได้รับวิตามินที่จำเป็นอย่างเพียงพอ เป็นการลดปัญหาผิวมันจากภายใน เพราะจะช่วยลดกระบวนการผลิตน้ำมันของร่างกายลงได้ วิตามินเหล่านั้นได้แก่ วิตามินเอ และวิตามินบี 2 ซึ่งสามารถหาทานได้ง่ายในอาหารกลุ่มผัก ผลไม้ ถั่ว และธัญพืชทั่วไป พร้อมกับพยายามหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกของทอดและอาหารที่มีรสชาติเผ็ดร้อน เนื่องจากจะยิ่งกระตุ้นให้ร่างกายขับเหงื่อ ตามมาด้วยการขาดน้ำและทำให้ผิวมันตามลำดับ 

3. ใช้กระดาษซับมันเท่าที่จำเป็น

คุมหน้ามัน

หลายคนพกกระดาษซับมันติดกระเป๋าไว้ตลอดเวลา พอหน้าเริ่มมันก็หยิบขึ้นมาซับจนแห้ง ทำให้ร่างกายยิ่งต้องเร่งผลิตน้ำมันออกมาอีก เรียกว่ายิ่งซับก็ยิ่งหน้ามันมากขึ้น ไม่ได้ช่วยคุมมันอย่างที่เข้าใจ ยิ่งถ้าเป็นกระดาษประเภทที่ใส่น้ำหอมหรือแอลกอฮอล์มาด้วยแล้ว ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสที่จะทำให้ผิวระคายเคืองมากขึ้นไปอีก ดังนั้น ถ้ายังติดการใช้กระดาษซับมันอยู่ก็ให้ซับเฉพาะช่วงที่หน้ามันเยิ้มมากจริงๆ ก็พอ 

4. ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีค่า PH เหมาะสม

คุมหน้ามัน

ความจริงแล้วผิวหน้าของเรามีค่า pH อยู่ในช่วงของกรดอ่อน เพราะเป็นสภาวะที่แบคทีเรียชนิดดีเจริญเติบโตได้ แต่ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าส่วนมากทำออกมาให้มีค่า pH อยู่ในช่วงเบสอ่อน มุ่งเน้นการทำความสะอาดเป็นสำคัญ หลายครั้งหลังจากล้างหน้าเราจึงรู้สึกว่าผิวแห้งตึง ซึ่งเป็นตัวการกระตุ้นให้เกิดความมันบนใบหน้าในเวลาต่อมา เราจึงต้องมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีค่า pH เป็นกลางหรือค่อนมาทางกรดอ่อนเล็กน้อย เพื่อให้ผิวไม่ต้องปรับสมดุลค่า pH มากนัก ทั้งยังเป็นผลดีต่อชั้นผิวในระยะยาวอีกด้วย 

5. ใช้ครีมกันแดดแบบ OIL FREE

คุมหน้ามัน

ครีมกันแดดเป็นของที่ต้องใช้อย่าได้ขาด ไม่ว่าจะเป็นหน้าร้อน หน้าฝนหรือหน้าหนาว เพราะเป็นตัวปกป้องผิวจากความเสื่อมโทรมแทบทุกอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าหากต้องการคุมมันก็ต้องเลือกใช้ครีมของคนหน้ามัน แบบที่ไม่มีน้ำมัน อาจจะผสมรองพื้นด้วยหรือไม่ก็ได้

วิธีสังเกตง่ายๆ ก็คือ ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของน้ำมันน้อยหรือไม่มีเลย มักจะเป็นเนื้อเจลหรือแบบน้ำ มันอาจจะปกป้องผิวไม่ได้ยาวนานเท่ากับแบบครีมข้น ก็ให้ใช้วิธีทาเพิ่มระหว่างวันแทน หมายความว่าเราต้องเลือกเป็นแบบที่ทาทัพเมคอัพได้ด้วย 

6. ปรับเปลี่ยนเครื่องสำอางยกเซต

คุมหน้ามัน

จากที่เคยใช้เครื่องสำอางประเภทหน้าเงาฉ่ำวาวแบบสาวเกาหลี คงต้องเก็บเอาไว้ก่อน แล้วเปลี่ยนมาเป็นเซตที่ช่วยลดความมันแทน โดยเฉพาะในส่วนของรองพื้นและคอนซีลเลอร์ที่จะเป็นตัวหลักในการคุมมันบนใบหน้า

ซึ่งลุคที่น่าจะเหมาะมากสำหรับร้อนนี้ก็คงหนีไม่พ้นลุคแบบแมตต์ จะใช้รองพื้นที่เป็นชนิดแป้งผงหรือเนื้อครีมก็ย่อมได้ ขอแค่ทาแล้วติดผิวดี ไม่เยิ้ม ไม่มัน เป็นอันใช้ได้ ลองสังเกตดูคำว่า Oil Free ที่ตัวผลิตภัณฑ์แล้วทดสอบดูว่าเหมาะกับผิวของเราหรือไม่

7. ใช้โทนเนอร์เป็นประจำ

คุมหน้ามัน

โทนเนอร์คือผลิตภัณฑ์เช็ดผิวหลังจากขั้นตอนทำความสะอาดด้วยโฟมล้างหน้าหรือสบู่ต่างๆ เพื่อจัดการกับสิ่งสกปรกที่ยังตกค้างอยู่ และปรับสภาพผิวให้พร้อมสำหรับการบำรุงต่อไป ประเด็นคือโทนเนอร์ในท้องตลาดนั้นมีหลายประเภท ซึ่งก็สามารถเลือกใช้ได้ตามใจชอบ เพียงแต่ต้องงดเว้นโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เอาไว้

เนื่องจากแอลกอฮอล์นั้นจะทำให้ผิวแห้งแบบเฉียบพลัน จึงมีการเร่งผลิตน้ำมันออกมาอย่างรวดเร็ว ยิ่งถ้าเป็นผิวบอบบางด้วยแล้ว ก็ยิ่งเกิดการระคายเคืองมากขึ้นไปอีก แม้ว่าโทนเนอร์จะดูเหมือนไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรนัก เพราะเป็นเพียงน้ำสำหรับเช็ดหน้าธรรมดา อยู่บนผิวเพียงชั่วอึดใจเท่านั้นเอง แต่หากเลือกให้เหมาะกับผิวแล้วจะส่งเสริมการดูแลผิวอย่างดีมาก ช่วยในเรื่องการเติมน้ำให้ผิว ลดการเกิดสิว และกระชับรูขุมขนได้ด้วย

8. มาส์กหน้าลดความมัน

คุมหน้ามัน

อย่างที่เรารู้กันดีอยู่แล้วว่า การมาส์กหน้านั้นคือการบำรุงผิวขั้นสุดที่ให้ผลลัพธ์ดีกว่าการทาครีมบำรุงเพียงอย่างเดียวหลายเท่า ด้วยความเข้มข้นที่ถูกผลักผ่านชั้นผิวเข้าไปนั่นเอง แต่ส่วนมากพอนึกถึงการมาส์กหน้า เราก็จะนึกถึงการลดความหมองคล้ำ กำจัดรอยแดงจากสิว และลดจุดด่างดำจากฝ้า กระ เสียมากกว่า ไม่ค่อยมีใครให้ความสำคัญกับการมาร์คเพื่อคุมมันกันเท่าไรนัก

ซึ่งถือว่าพลาดหนักมากจริงๆ เพราะการมาส์กหน้าด้วยส่วนผสมของ AHA หรือ BHA เป็นการช่วยเพิ่มคอลลาเจนให้กับผิว และกำจัดของเสียที่สะสมตกค้างอยู่บนผิว เช่น เซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว เป็นต้น ทำให้ผิวหน้าสะอาดเรียบเนียนและลดอัตราการผลิตน้ำมันโดยธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีมาร์คในกลุ่มโคลนที่ดูดซับความมันอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย 

9. ออกกำลังกายขับเหงื่อเป็นประจำ

คุมหน้ามัน

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการออกกำลังกายนั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายในแทบจะทุกด้านจริงๆ อย่างการคุมมันบนใบหน้านี้ก็มีส่วนช่วยได้ไม่น้อยเลย หากเราออกกำลังกายช่วยขับเหงื่อเป็นประจำอย่างเช่น แอโรบิก วิ่ง ปั่นจักรยาน ฟุตบอล เทนนิส เป็นต้น

จะทำให้ร่างกายได้ขับของเสียออกมา ทำให้เลือดสูบฉีดไปทั่วร่างกายอย่างสะดวก พร้อมกับปรับสมดุลฮอร์โมนและต่อมต่างๆ ในร่างกาย จึงไม่มีการผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมา เรียกว่าได้ทั้งสุขภาพดีและผิวพรรณสวยใสไปพร้อมกัน 

10. พึ่งพานวัตกรรมทางการแพทย์

คุมหน้ามัน

หากลองทำดูทุกอย่างแล้ว แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าความมันจะบอกลาไป ก็คงต้องงัดไม้ตายออกมาใช้ นั่นคือพึ่งพานวัตกรรมทางการแพทย์เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนต่อมเหงื่อและต่อมไขมันแทน เดี๋ยวนี้มีสถานเสริมความงามจำนวนไม่น้อยที่ให้บริการกำจัดปัญหาเกี่ยวกับอาการเหงื่อออกมากเกินไป จนเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตประจำวัน

โดยจะเป็นการรักษาด้วยเลเซอร์แบบต่างๆ ทำหน้าที่เข้าไปลดการทำงานของต่อมเหงื่อกับต่อมไขมันใต้ผิวหนัง บางครั้งก็กำจัดต่อมเหล่านั้นทิ้งไปเลย ส่งผลให้ไม่มีเหงื่อและความมันในระยะยาว แต่ทั้งนี้ก็ต้องทำการรักษาอยู่หลายครั้ง ราวๆ 3-5 ครั้งโดยเฉลี่ย


10 วิธีแก้ จมูกมัน ง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำเองได้ ต้องลอง!

คุมหน้ามัน

10 วิธีแก้ จมูกมัน ง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำเองได้ ต้องลอง! จมูกอวัยวะเล็กๆ ที่มีเนื้อที่ไม่มากบนใบหน้าแต่มีความสำคัญมากๆ เพราะจมูกอยู่ตรงกึ่งกลางของใบหน้าคนเราพอดี จมูกจึงเป็นจุดเด่นที่ผู้คนมองเห็นก่อนสิ่งอื่นๆ เมื่อมองมาที่หน้าของเรา จมูกสวยก็ทำให้ใบหน้าดูสวย ดูหล่อไปทันที ในขณะเดียวกันแม้ว่าคุณอาจจะเป็นเจ้าของจมูกที่สวยได้รูปแต่กลับมีความมันระดับสูง จมูกมันต่อให้มีรูปจมูกสวยแค่ไหน จมูกโด่งแค่ไหนก็อาจจะทำให้เสียบุคลิกได้ 

คุณอาจจะมีผิวหน้าที่สวย หล่อ ดูดีเนื้อผิวละเอียด หรือสาวๆ ที่แต่งหน้ามาเป๊ะ ปัง ฉ่ำเด้ง พอจมูกมันเท่านั้นก็คะแนนติดลบและดูดรอปลงมาได้ทันที นอกจากนั้นจมูกมันอาจจะก่อให้เกิดปัญหาตามมานั่นก็คือสิวที่เกิดขึ้นบริเวณจมูก โดยเฉพาะถ้าสิวที่ขึ้นมาเป็นสิวอักเสบคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ปัญหาจมูกมันจึงเป็นปัญหาที่ไม่ใช่เรื่องเล็กเลยจริง ๆ

สาเหตุที่ทำให้ จมูกมัน ส่วนใหญ่แล้วมาจากการที่เราเป็นคนมีผิวหน้าอยู่ในสองประเภทนี้ก็คือ เป็นคนมีผิวหน้าแห้งทำให้ผิวเลยมีการขับน้ำมันออกมาหรืออาจจะเป็นคนมีผิวผสมที่มีความมันมากเฉพาะบริเวณทีโซน หากคุณเป็นคนที่มีหน้าแห้งก็ควรเลือกใช้ครีมบำรุงผิวหน้าแห้งเพื่อลดการขับน้ำมันออกมาด้วย

สำหรับบางคนอาจเกิดปัญหาผิวหน้าที่ยุ่งยากซับซ้อนขึ้นไปอีกเมื่อผิวหน้าบริเวณทีโซนหรือบริเวณจมูกมันมาก แต่บริเวณโหนกแก้ม ข้างแก้ม หน้าผากและคางกลับแตกแห้งเป็นขุย จมูกมันจึงเป็นปัญหาผิวที่ต้องรีบอก้ไขไม่ควรปล่อยเอาไว้อย่างเด็ดขาด วิธีแก้ จมูกมัน ไม่ยากเลยคุณเองก็สามารถทำเองได้ตามวิธีที่นำมาฝากทั้ง 10 วิธีดังนี้! 

1. ล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์แบบอ่อนโยน

คุมหน้ามัน

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้จมูกมันเกิดจากการใช้คลีนเซอร์ล้างหน้าแบบที่มีสูตรเข้มข้นรุนแรง คลีนเซอร์ประเภทดังกล่าวจะทำให้ผิวสูญเสียน้ำมันหล่อเลี้ยงทั้งใบหน้าและบริเวณผิวจมูก ร่างกายจึงขับน้ำมันออกมาทดแทนที่สูญเสียไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงบริเวณจมูก จึงทำให้จมูกมันมากอยู่ตลอดเวลา 

2. สครับผิวจมูก

คุมหน้ามัน

การสครับผิวก็ช่วยได้ เพราะการสครับจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและสิ่งสกปรกต่างๆ ที่อุดตันอยู่ตรงบริเวณผิวจมูก ช่วยให้จมูกลดความมันลง แต่การสครับก็ไม่ควรทำจนบ่อยเกินไป อาจจะสครับบริเวณจมูกสักสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก็เพียงพอ 

3. ทาซันบล็อกที่จมูก

คุมหน้ามัน

ซันบล็อกที่เราทาเพื่อกันแดด สำหรับบางคนอาจจะคิดว่าจมูกมันอยู่แล้วถ้าทาซันบล็อกไปก็กลัวว่าจะยิ่งทำให้จมูกเกิดความมัน แต่ในความจริงแล้วเป็นการเข้าใจผิด เนื่องจากแสงแดดที่กระทบโดนผิวจมูกก็เป็นสาเหตุหลักอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้จมูกมันและมีน้ำมันมาหล่อเลี้ยงตรงบริเวณผิวจมูกมากเกินไป

เนื่องจากเมื่อแดดกระทบแผดเผาบริเวณจมูก ผิวก็สูญเสียน้ำมันเคลือบผิวจึงผลิตน้ำมันเคลือบผิวบริเวณจมูกขึ้นมา การทาซันบล็อกช่วงบริเวณจมูกช่วยป้องกันผิวจากแสงแดดและรังสีได้อย่างดีในระหว่างวัน 

4. มาส์กหน้าและจมูก

คุมหน้ามัน

การมาส์กหน้าและเน้นการมาส์กบริเวณจมูกด้วยจะดีที่สุด การมาส์กบริเวณจมูกช่วยสมานผิวบริเวณจมูกให้เกิดความสมดุลชุ่มชื่นขึ้นและยังช่วยลดขนาดรูขุมขนบริเวณจมูกให้เล็กกระชับลงได้ เมื่อรูขุมขนบริเวณจมูกเล็กลงน้ำมันก็จะออกมาได้น้อยลงและลดความมันบริเวณจมูกได้มากเช่นกัน 

5. ใช้กระดาษซับมัน

คุมหน้ามัน

กระดาษซับมันเป็นสิ่งที่คนมีจมูกมันจะต้องพกพาไว้เสมอ เมื่อจมูกมันระหว่างวันก้ให้ใช้กระดาษซับมันวางลงที่บริเวณผิวจมูกส่วนที่มัน แต่อย่าถูลงไปเพราะจะยิ่งทำให้น้ำมันออกมามากขึ้นและผิวจมูกอาจเกิดการระคายเคืองและเกิดสิวอักเสบตามมาได้ กระดาษซับมันผิวหน้านั้นก็มีหลายเกรด ให้เลือกชนิดที่เป็นเกรดที่ดี เพราะจะช่วยซับมันได้ดีและไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ที่ผิวด้วย 

6. ใช้มะนาวและน้ำตาลขัดจมูก

คุมหน้ามัน

นำน้ำมะนาวและน้ำตาลทรายมาผสมกันในอัตราส่วนที่ไม่เหนียวหนืดไม่และเหลวจนเกินไปถูวนบริเวณจมูกเน้นตรงส่วนผิวปลายจมูกจะช่วยให้ผิวบริเวณนี้สะอาดขึ้นและลดความมันระหว่างวันได้ สามารถทำได้ทุกวันถ้าสะดวก 

7. สูตรอัลมอนด์บด

คุมหน้ามัน

อีกสูตรการลดความมันของจมูกและช่วยทำให้ผิวบริเวณจมูกมีสุขภาพดีและสมดุลขึ้นก็คือ ให้ใช้เมล็ดอัลมอนด์นำมาบดละเอียด นำน้ำผึ้งมาผสมเล็กน้อย จากนั้นให้ทาไว้ตรงบริเวณจมูก ทิ้งไว้สักประมาณ 15-20 นาที จากนั้นก็ล้างออก จะลดความมันลงได้หากทำเป็นประจำ 

8. น้ำส้มสายชูช่วยได้

คุมหน้ามัน

นำน้ำส้มสายชูมาผสมเข้ากับน้ำเปล่าโดยให้มีสัดส่วนที่เท่าๆ กัน แล้วคนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน นำสำลีแผ่นมาชุบแล้วแปะไว้บริเวณจมูกส่วนที่มัน ทิ้งไว้สักประมาณ 15 นาทีจึงค่อยเอาออก คุณสมบัติของความเปรี้ยวและกรดจากน้ำส้มสายชูช่วยลดความมันของจมูกและช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันออกไปได้อย่างดี 

9. หลีกเลี่ยงการทาครีมและแต่งหน้าบางๆ บริเวณจมูก

คุมหน้ามัน

การทาครีมบำรุงผิวต่างๆ และการแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางสารพัดชนิดเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้จมูกมันได้ง่าย เคล็ดลับก็คือให้หลีกเลี่ยงการทาครีมบำรุงผิวหน้าบริเวณจมูกหรือทาแต่น้อย การแต่งหน้าให้เลือกแต่งบริเวณจมูกแต่เพียงบางๆ จะช่วยลดจมูกมันระหว่างวันไปได้มาก 

10. ดูแลการรับประทานอาหาร

คุมหน้ามัน

การรับประทานอาหารก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับผู้ที่มีผิวจมูกมัน อาหารที่มีสรสจัดและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลต่อผิวให้มันขึ้น รวมไปถึงผิวบริเวณจมูกด้วย หากลดการรับประทานอาหารรสจัดและลดการดื่มแอลกอฮอล์ลงก็จะมีส่วนช่วยลดความมันบริเวณจมูกได้เช่นกัน

ทั้งหมดนี้คือวิธีแก้ หน้ามัน และ จมูกมัน ที่เป็นปัญหากวนใจสำหรับหลายๆ คนและเป็นปัญหาเส้นผมบังภูเขาที่เราสามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเราเอง ที่สำคัญอย่าลืมรักษาความสะอาดของผิวหน้า และบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอจะช่วยทำให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้นได้


อ้างอิง

https://www.acseine.in.th/campaign/blog/6/ปัญหาผิวมันเกิดจากอะไร%3F

https://www.pobpad.com/หน้ามัน-กับการแก้ปัญหาใ

ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด และการเลือกใช้กันแดดให้เหมาะกับแต่ละวัย

ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด และการเลือกใช้กันแดดให้เหมาะกับแต่ละวัย

มีหลายวิธีในการปกป้องผิวจากแสงแดดที่เป็นอันตราย ครีมกันแดด ก็เป็นหนึ่งในวิธีการป้องกันมะเร็งผิวหนังที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ผลิตภัณฑ์กันแดดจะทำงานโดยการดูดซับหรือสะท้อนรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ออกจากผิวของคุณ ดังนั้นเมื่อเลือกซื้อ ครีมกันแดด อย่าลืมเลือกที่มีค่า UVA/UVB จะช่วยบล็อกรังสียูวีได้มากกว่าและให้การปกป้องที่ยาวนานกว่า ซึ่งวันนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด และการเลือกใช้กันแดดให้เหมาะกับแต่ละวัย

ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด ที่มีขายในท้องตลาด จะมีรูปแบบการผลิตที่หลากหลาย ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีข้อดีและมีข้อเสียต่างกันออกไป โดยวันนี้จะมายกตัวอย่าง 3 รูปแบบ ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด ที่คนนิยมใช้ และออกขายกัน ดังนี้

ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด และการเลือกใช้กันแดดให้เหมาะกับแต่ละวัย

1. รูปแบบอิมัลชัน ซึ่งก็เป็นแบบที่เราเห็นกันอยู่ประจำ เช่น ครีม โลชั่น โดยรูปแบบนี้เป็นที่นิยมใช้กันมากที่สุด เพราะมีความหนืดที่แตกต่างกันไป ซึ่งเราสามารถเลือกซื้อได้ ข้อดีของรูปแบบนี้คือ สามารถกระจายตัวบนผิวหนังได้ดี สามารถเคลือบและยึดติดผิวได้ดีมาก แต่ข้อเสียของรูปแบบนี้คือ รูปแบบอิมัลชันจะทำให้เกิดความรู้สึกเหนอะหนะได้มากกว่ารูปแบบอื่น แต่ในปัจจุบันก็ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์รูปแบบอิมัลชัน ซึ่งจะที่มีความเหนอะหนะน้อย ก็จะมีวางจำหน่ายในท้องตลาดเช่นกัน

2. รูปแบบเจล รูปแบบนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่เห็นได้ชัดในส่วนของเนื้อเจล เพราะมีความใส บางเบา ทำให้น่าใช้ แต่ข้อด้อยที่เห็นได้ชัดคือคือ มีราคาแพง และชั้นเจลสามารถละลายออกไปกับน้ำหรือเหงื่อได้ง่าย ทำให้สูญเสียประสิทธิภาพการทำงานในการกันแดดได้

3. รูปแบบแอโรซอล รูปแบบนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มาในรูปของการฉีดพ่นหรือแบบสเปรย์ มีข้อดีคือ สามารถฉีดเป็นวงกว้างได้ แต่ชั้นที่ป้องกันจะไม่เท่ากัน ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานในการปกป้องผิวจากรังสี UV ลดลง

การเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์กันแดด

การเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์กันแดด

วิธีเลือกครีมกันแดด เห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดในปัจจุบัน ที่วางขายในท้องตลาด จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ทั้งในด้านความสามารถการป้องกันรังสี UV และในด้านรูปแบบของผลิตภัณฑ์ ดังนั้นการใช้ กันแดดทาหน้า  จึงขึ้นอยู่กับสิ่งเหล่านี้

1. ความสามารถในการป้องกันรังสี UV

การเลือกครีมกันแดดที่สามารถป้องกันอันตรายจากแสงแดด โดยเน้นไปที่รักษาผิว ควรเลือกผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดที่มีทั้งค่า SPF และ PFA เพราะถ้ามีทั้งคู่จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UV-B และ UV-A

2 รูปแบบของผลิตภัณฑ์

เลือกรูปแบบให้เข้ากับผิวของเรา เช่น ไม่ควรเลือกแบบครีมหรือแบบโลชั่นถ้าเป็นคนผิวมัน เพราะจะทำให้อุดตันง่าย และให้ดูที่ประเภทผิวของเราด้วยว่าเข้ากับครีมได้หรือไม่ เพราะครีมบางชนิดก็ใช้แล้วทำให้ผิวแพ้ได้อีก [นอกจากผลิตภัณฑ์กันแดดแบบทาแล้ว ยังมีอาหารเสริมกันแดด ที่เป็นตัวช่วยให้ผิวป้องกันแสงแดดระหว่างวันได้เป็นอย่างดี]

3. ดูอายุ

ไม่ควรใช้ครีมกันแดดกับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปี เพราะผิวของเด็กยังไม่เหมาะกับการรับสารเคมี ควรเลือกใช้กับเด็กที่มีอายุมากกว่า 6 ปี หรือเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์กันแดด ของเด็กแทน  และที่สำคัญควรดูที่ SPF ด้วยว่าเหมาะกับช่วงอายุหรือไม่

4. กิจกรรมที่ทำ

การเลือกครีมกันแดดควรดูที่กิจกรรมการทำงานด้วย เพราะบางคนก็ออกแดดมาก บางโดนแดดแค่บางช่วง ดังนั้นการเลือกใช้ค่า SPF ที่เหมาะสมควรดูที่กิจกรรมที่ทำด้วย


10 ครีมกันแดดสูตรเย็น ที่ใช้แล้วดี และเย็นสดชื่นไปตลอดทั้งวัน

10 ครีมกันแดดสูตรเย็น ที่ใช้แล้วดี และเย็นสดชื่นไปตลอดทั้งวัน

ด้วยความที่เมืองไทยคือเมืองร้อน ที่เหมือนจะดูดพระอาทิตย์มาให้ได้ทั้งวัน ซึ่งนอกจากแสงแดดจะให้ความร้อนเป็นของขวัญแล้ว แสงแดดยังมอบความดำให้เราอีกด้วย ทำให้วันนี้ เรามี 10 ครีมกันแดดสูตรเย็น ที่ใช้แล้วดี และรับรองว่านอกจากจะไม่ดำแล้ว ยังเย็นสดชื่นไปตลอดทั้งวันอีกด้วย  

1. ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด NIVEA SUN PROTECT & REFRESH INVISIBLE COOLING MIST SPF50

ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด

มากับสเปรย์ตัวบางเบา ที่สามารถกันแดดได้อีกด้วย เพียงแค่ฉีดลงไปบนผิวหนัง ก็สามารถเดินออกไปที่แดดได้ทันที แน่นอนว่าสเปรย์ตัวนี้จะให้ความสดชื่นกับผู้ใช้แน่นอน เพราะมีส่วนผสมหลักเป็นเมนทอล ตัวนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวที่ไม่มีคราบเกาะติดที่ผิว ที่สำคัญเลยคือยังสามารถกันน้ำได้อีกด้วย

2. SUNPLAY WATERY COOL SPF 65 PA+++

ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด

นี่เป็นครีมสูตรบางเบาที่สามารถใช้งานได้ทันทีไม่เกิดอาการเหนียวเหนอะหนะ และยังมีกลิ่นหอมที่มาจากเมนทอลอีกด้วย โดยมีคุณสมบัติคือ ไม่ทำให้ผิวแห้งเสีย เหมาะสำหรับคนที่มีผิวแห้ง เพราะสามารถให้ความชุ่มชื้นได้ดีมากๆ และยังกันน้ำได้ด้วย

3. ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด BANANA BOAT SPORT COOLZONE SUNSCREEN LOTION SPF50 PA++++

ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด

สเปรย์กันแดดสูตรเย็น สำหรับผิวกาย ออกแบบมาเพื่อผู้ที่ชื่นชอบการเล่นกีฬากลางแจ้ง ช่วยปกป้องผิวจากการเผาไหม้ของแสงแดดได้ถึง 50 เท่า พร้อมป้องกันทั้งรังสี UVA&UVB ปกป้องผิวด้วยเทคโนโลยี AvoTriplex ที่สามารถป้องกันรังสีได้อย่างดีเยี่ยม ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมซึ่งก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว พร้อมสารสกัดจากว่านหางจระเข้ที่จะมอบความเย็นสดชื่นสู่ผิว

4. ISA KNOX COOLING SUN SPRAY

ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด

นี่เป็นสเปรย์สูตรเย็นที่อาจจะไม่เคยได้ยินชื่อ โดยสเปรย์ตัวนี้มีจุดเด่นคือ เนื้อสเปรย์ที่บางเบา ไม่ทำให้เกิดการเหนอะหนะที่ผิว สามารถกันน้ำ กันเหงื่อได้ดีมากทีเดียว และสามารถกันแดดได้อีกด้วย โดยตัวนี้จะให้ความเย็นในระดับที่เย็นสุดๆ แถมเรายังจะฉีดตอนไหนก็ได้ด้วยเช่นกัน

5. ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด BIO WATER POWER PROTECT COOLING SUNSCREEN SPF 30 PA++

ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด

สโลแกน ทาปุ๊บเย็นปั๊บ ต้องมอบให้กับครีมตัวนี้เลยทีเดียวกับครีมกันแดดตัวนี้ที่ให้ความชุ่มชื้น และความเย็นสุดคูลอีกด้วย นอกจากจะเย็นถึงใจแล้ว ยังไม่ทำให้ผิวเหนอะหนะ กลับกันก็ทำให้ผิวดูกระจ่างใส ชุ่มชื้น ไม่เยิ้ม เหมาะมากๆ กับสภาพอากาศเมืองไทย ที่จะเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ไปทุกวัน

6. NEUTROGENA FRESH COOLING BODY MIST SUNBLOCK SPF 70

ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด

จะบอกว่าสเปรย์กันแดดสูตรเย็นตัวนี้ มีค่า SPF มากถึง 70!! ทำให้ไม่ต้องกังวลเลยว่าเราจะดำ ให้ไปโดนแดดบนดวงจันทร์ยังไม่ดำเลย โดยตัวนี้ก็ไม่มีคราบ ไม่มีความเหนียวหนืดให้ได้รำคาญใจกันแน่นอน เรียกว่าถูกใจสาวกกันแน่ๆ

7. ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด Vaseline Healthy Bright Daily Sun Refreshing Serum SPF50+ PA++++

ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด

เซรั่มกันแดดสูตรเย็น มี SPF50+ PA++++ ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA UVB และมลภาวะ ซึ่งเป็นสาเหตุให้ผิวหมองคล้ำและริ้วรอยก่อนวัย พร้อมสัมผัสบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ ให้ความเย็นสดชื่น สบายผิว เหมือนพึ่งอาบน้ำ พร้อมบำรุงผิวให้แลดูกระจ่างใส

8. Biore UV Aqua Rich Watery Essence Cool SPF50+ PA++++

ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด

ครีมกันแดด Aqua Rich Cool สูตรใหม่ล่าสุดจาก Biore เป็นกันแดดสูตรใหม่เนื้อเดิมเพิ่มเติมคือความเย็น ทาแล้วรู้สึกเย็นๆ เนื้อเกลี่ยง่าย  ไม่เหนอะหนะผิว ช่วยลดอุณหภูมิผิว แถมยังมีบำรุงในตัว ป้องกันผิวแก่ก่อนวัย ที่สำคัญเนื้อบางเบามากสามารถทาทับเมคอัพได้เลย และยังกันน้ำกันเหงื่อได้

9. ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด Smooto Hya C Bright Up Sunscreen

ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด

ครีมกันแดดโทนอัพ SPF50 PA+++ ที่ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด ทั้งรังสี UVA และ UVB ผสานคุณค่าของไฮยาลูรอนิค แอซิด และมีวิตามินซี ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น ปรับสีผิวให้สว่างไบร์ทขึ้นหลังทา เนื้อครีมเป็นเนื้อเอสเซนส์ที่แตกตัวเป็นน้ำ และเป็นกันแดดสูตรเย็นที่ทาแล้วรู้สึกสบายผิว

10. Mistine Snow Frozen Whitening Sunscreen Body Lotion SPF50/PA++++

ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด

โลชั่นกันแดดสูตรน้ำ ซึมซาบเร็ว เนื้อบางเบา ไม่เหนอะหนะ พร้อมทำให้ผิวเย็นสบายขึ้น ด้วยสารสกัดจาก Mirabilis Lalapa Extract พร้อมปกป้องผิวจากแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้ง UV-A และ UV-B พลิกฟื้นบำรุงผิวที่ถูกทำร้าย ให้กลับมาดูสุขภาพดีอีกครั้ง นอกจากครีมเหล่านี้แล้ว คุณอาจสนใจ 10 อันดับครีมกันแดดยอดนิยม ที่เหมาะสำหรับคนไทยโดยเฉพาะ


10 สเปรย์กันแดด ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด สุดฮอต ใช้ง่าย และมอบพลังป้องกันแสงแดดให้แก่คุณ

10 สเปรย์กันแดด

10 สเปรย์กันแดด สุดฮอต กันแดดใช้ง่าย และมอบพลังป้องกันแสงแดดให้แก่คุณ ในปัจจุบันไม่ได้มีครีมกันแดดอย่างเดียวที่เป็นเครื่องสำอาง ที่สามารถกันแดดได้เท่านั้น เพราะเดี๋ยวนี้ได้มีการคิดค้นสเปรย์กันแดดกันออกมา ซึ่งก็สามารถใช้งานได้สะดวก และไม่ต้องทนใช้ครีมที่เหนอะหนะอีกต่อไปแล้ว ซึ่งนี่แหละคือจุดเด่นของสเปรย์กันแดด แต่ว่า สเปรย์กันแดด สุดฮอต จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย 

1. BANANA BOAT ULTRAMIST CLEAR SUNSCREEN SPRAY SPF50 / PA+++

ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด

ใครที่ไม่รู้จักตัวนี้ถือว่าเชยมาก เพราะนี่คือสเปรย์ตัวโด่งดังของแบรนด์นี้ ซึ่งนี่ก็เป็นสเปรย์กันแดด ที่มีส่วนผสมของอโรเวร่า ทำให้สามารถรักษาระดับความสมดุลน้ำ ในผิวได้ และยังมีความสามารถในการกันน้ำอีกด้วย โดยสเปรย์ตัวนี้สามารถแห้งได้เร็ว ไม่เกิดการเหนอะหนะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นผิวของแต่ละคนด้วย ราคาอยู่ที่ 720 บาท

2. SUN CUT ESSENCE IN UV PROTECT SPRAY SPF 50+ / PA++++

ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด

มากับสเปรย์กันแดดจากแดนซากุระ ซึ่งจุดเด่นคือ ฉีดแล้วออกแดดได้เลย เพราะสามารถป้องกันแสงแดดได้ทันทีที่ฉีด และยังไม่มีกลิ่นสเปรย์ให้กวนใจอีกด้วย แต่บางคนอาจจะไม่ชอบ เพราะตัวนี้จะออกอาการเหนอะหนะหน่อยๆ โดยราคาอยู่ที่ 400 บาท คุ้มสุดๆ

3. SUNPLAY UV BODY MIST SUNBLOCK SPF80 / PA+++

ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด

นี่เป็นสเปรย์กันแดดอีกตัวหนึ่งที่เมื่อฉีดไปแล้ว สามารถออกแดดได้เลยเช่นกัน โดยตัวนี้สามารถป้องกันแสงแดดได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว โดยอาจจะเกิดการเหนียวเหนอะหนะบ้าง แต่โดยรวมแล้วใช้ดีมาก ราคาอยู่ที่ 480 บาท

4. FRACORA PLACENTA UV WHITENING SPRAY SPF 50+/PA+++

ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด

มากับสเปรย์ที่ใครหลายๆ คนก็ให้ความสนใจ และถึงกับบอกต่อกันไปเป็นทอดๆ เลยเพราะว่า สเปรย์ตัวนี้สามารถฉีดได้ทั้งผิวหน้า และผิวกาย ทั้งยังไม่ทิ้งคราบเหนอะหนะ ใครที่อยากได้ก็ต้องควานหากันหน่อย เพราะหายากเสียเหลือเกิน ราคาอยู่ที่ 500 บาท

5. SOLANOVEIL UV SPRAY SPF 50+ / PA+++

ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด

สเปรย์อีกตัวหนึ่งที่ได้รับความนิยม เพราะตัวนี้มีจุดเด่นคือ แห้งไว ไม่เหนอะหนะ ไม่ทำให้เกิดคราบบนผิวหนัง ราคาเท่าตัวบนเลยคือ 500 บาท ซึ่งคุณภาพก็ไม่ต่างกันมากนัก

6. NIVEA SUN PROTECT & REFRESH INVISIBLE COOLING MIST SPF 50

ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด

เรียกได้ว่าสเปรย์ตัวนี้เหมาะมากๆ สำหรับเมืองไทย เพราะเป็นสเปรย์ที่สามารถชนะใจคนไทยไปได้แน่นอน เนื่องจากเมื่อฉีดแล้วจะให้ความรู้สึกที่เย็นมากๆ แต่ก็ไม่ทำให้หนักผิว และเกิดคราบได้แน่นอน แถมยังเย็นอยู่ไม่ใช่แค่ตอนฉีดตอนแรกอีกด้วย แต่ใครที่ชอบความเย็นละก็พลาดไม่ได้แน่นอน

7. ETUDE HOUSE SUNPRISE FACE&BODY SUN SPRAY SPF 50 + / PA +++

ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด

สเปรย์กันแดดจากแบรนด์เครื่องสำอางเกาหลี สามารถหาซื้อได้ที่ช้อปหรือสั่งออนไลน์ แต่ก็มีหลายคนสั่งพรีออเดอร์อิมพอร์ตมา ราคาอยู่ที่ประมาณ 400 บาท กันแดดแบบสเปรย์ประสิทธิภาพสูง อ่อนโยนใช้ได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย แห้งไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ คุ้มสุดๆ

8. Anessa Perfect UV Sunscreen Skincare Spray SPF50 PA++++

ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด

สเปรย์กันแดดละอองละเอียดจากแอนเนสซ่า กระจายตัวสม่ำเสมอบนผิว สามารถสเปรย์ทับเครื่องสำอางได้โดยไม่ทำให้เป็นคราบ ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและสารต้านอนุมูลอิสระ เนื้อผลิตภัณฑ์มีความติดทน กันน้ำ กันเหงื่อ ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันสามารถใช้ได้ทั้งผิวหน้า ผิวกาย และเส้นผม มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของซิตรัสที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นในขณะที่ใช้ ล้างออกง่ายด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวทั่วๆ ไป

9. La Roche Posay Anthelios Invisible Fresh Mist Anti-Shine SPF50++++

ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด

สเปรย์กันแดดสูตรที่มีคุณสมบัติปกป้องผิวจากรังสี UVA ในระดับที่สูงมาก ปกป้องผิวจากแสงแดดด้วย SPF50++++ พร้อมควบคุมความมัน ไม่ทำให้ผิวมันเยิ้มกว่าเดิม มีประสิทธิภาพในการกันน้ำ กันเหงื่อและทราย อ่อนโยนต่อผิวรอบดวงตาที่ระคายเคืองง่าย เนื้อบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ ปราศจากสารกันเสียพาราเบน เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายหรือไวต่อแดด

10. Supergoop! PLAY Antioxidant Mist With Vitamin C Broad Spectrum Sunscreen SPF50

ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด

มากับสเปรย์กันแดดตัวสุดท้ายของวันนี้ ที่เป็นสเปรย์กันแดดมาพร้อมกับ SPF 50 สูตร water-resistant มีแอลกอฮอล์น้อยกว่าสเปรย์ทั่วไป 35% จึงไม่ทำให้ผิวแห้งตึง ถนอมผิวให้ชุ่มชื้นยาวนาน พร้อมการปกป้องจากรังสียูวี เหมาะสำหรับคนที่ต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง แต่นอกจากกันแดดตัวแล้วก็ยังมี 10 ครีมกันแดดรองพื้น ที่ช่วยปกปิดรอยดำและรอยแดงได้อีกด้วย

ล็อกความขาวใสให้กับผิวด้วยสเปรย์กันแดดที่ใช้งานง่าย สะดวก และสามารถพกไปเติมระหว่างวันได้ ไม่ทำให้เกิดความมันต่อผิว ที่สำคัญอย่าลืมปกป้องผิวอีกขั้นด้วยการสวมแว่นกันแดดและหมวกเมื่อต้องอยู่กลางแจ้ง เพื่อช่วยปกป้องดวงตาของคุณเช่นกัน สุดท้ายอย่าลืมดูแลผิว รวมถึงการใช้ครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอก่อนออกแดดและหลังออกแดดด้วย


อ้างอิง

The 16 Best Spray Sunscreens for Face and Body : https://www.marieclaire.com/beauty/best-spray-sunscreens/

10 เจลล้างหน้าลดสิว ที่ช่วยให้ใบหน้าดูกระจ่างใสได้ภายใน 7 วัน

10 เจลล้างหน้าลดสิว ที่ช่วยให้ใบหน้าดูกระจ่างใสได้ภายใน 7 วัน

10 เจลล้างหน้าลดสิว ที่ช่วยให้ใบหน้าดูกระจ่างใสได้ภายใน 7 วัน ปัญหาโลกแตกอย่างหนึ่งของสาวๆ ก็คือ การที่โบ๊ะหน้าโชว์ชาวบ้านแบบสวยมาก แต่พอกลับมาบ้าน กลับล้างหน้าไม่เกลี้ยง นั่นก็คือสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวอุดตัน และมีปัญหาทางผิวหน้าตามมาได้ 

ทำให้วันนี้เรามี 10 เจลล้างหน้าลดสิว มาฝากกัน ที่อ่อนโยนและจะมาช่วยให้การล้างหน้าของเราสะอาดขึ้น เกลี้ยงเกลา และยังช่วยบำรุงความขาวกระจ่างใสในแต่ละวันได้อีกด้วย ไปดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง 

1. VICHY NORMADERM PURIFYING CLEANSING GEL

เจลล้างหน้าลดสิว

สำหรับใครที่มีผิวที่บอบบาง แพ้ผิวง่ายแล้วละก็บอกเลยว่าเจลตัวนี้เหมาะกับคุณแน่นอน เพราะนี่คือเวชสำอางที่สะอาด มีความอ่อนโยน และยังไม่มีแอลกอฮอล์ผสมอีกด้วย จึงทำให้สาวๆ ที่มีผิวบางชื่นชอบตัวนี้มากๆ ราคาอยู่ที่ 700 บาทเท่านั้น

2. CLINIQUE LIQUID FACIAL SOAP MILD

เจลล้างหน้าลดสิว

สำหรับตัวนี้ คือเจลล้างหน้าที่ขายดีมากๆ จากแบรนด์นี้ เพราะเจลตัวนี้สามารถชำระล้างความสกปรกออกจากผิวไปได้หมดจด จึงช่วยทำให้ผิวนุ่มเนียน น่าสัมผัส และยังมีหลากหลายสูตรให้เลือกอีกด้วย และยังสามารถเลือกใช้ตามสภาพผิวได้อีกด้วย คุ้มสุดๆ กับราคา 1,000 บาท แพงแต่คุ้มมากๆ

3. LA ROCHE POSAY EFFACLAR PURIFYING FOAMING GEL

เจลล้างหน้าลดสิว

นี่เป็นเจลล้างหน้าที่เหมาะสำหรับคนที่เกลียดเอฟเฟกต์หลังจากการล้างหน้า คือเจลบางตัวเมื่อล้างหน้าเสร็จใบหน้าจะตึงๆ แปลกๆ ซึ่งตัวนี้ก็สามารถตอบโจทย์ได้ดี เพราะมีค่าความเป็นกรดแค่ 5.5 และยังไม่มีแอกอฮอล์ผสมอีกด้วย ดังนั้นเจลตัวนี้จึงเหมาะกับคนที่ผิวแพ้ง่ายมากๆ ราคาอยู่ที่ 700 บาทเท่านั้น

4. SMOOTH E BABYFACE GEL

เจลล้างหน้าลดสิว

มากับเจลล้างหน้าตัวนี้ที่ให้ความอ่อนนุ่ม อ่อนโยนแบบสุดๆ ซึ่งก็เหมาะกับความที่ผิวบาง ผิวแพ้ง่าย หรือคนที่เป็นสิวเยอะๆ ก็ใช้ได้เช่นกัน โดยเจลตัวนี้เป็นเจลที่ไม่มีฟอง ทำให้ใบหน้าเมื่อแห้งแล้วไม่ตึง ทั้งยังทำให้ใบหน้าสะอาด รักษาสิวได้ด้วย ราคาอยู่ที่ 350 บาท

5. NEUTROGENA DEEP CLEAN HYDRATING BAMBOO GEL CLEANSER

เจลล้างหน้าลดสิว

ใครที่ผิวแห้งยกมือ! บอกเลยว่าเจลตัวนี้เหมาะมากๆ กับสาวๆ ที่มีผิวแห้งมากๆ โดยเจลตัวนี้จะมีสารสกัดที่ใช้ความชุ่มชื้นได้ดี และเนื้อเจลยังไม่เกิดอาการระคายเคืองให้กับผิวได้แน่นอน เหมาะกับคนที่ไม่ชอบเจลที่ล้างแล้ว ผิวหน้าลื่น เหมือนล้างไม่สะอาด จัดตัวนี้รับรองไม่ผิวหวัง โดยราคาอยู่ที่ 180 บาท

6. GARNIER PURE ACTIVE FRUIT ENERGY GEL

เจลล้างหน้าลดสิว

สำหรับใครที่ชอบผิวที่ดูกระจ่างใสขึ้น ดูมีมิติขึ้น เจลล้างหน้าตัวนี้ถือว่าทำได้ดีทีเดียว และนอกจากนี้ยังสามารถรักษาสิวเสี้ยนได้อีกด้วย โดยส่วนผสมของครีมตัวนี้จะมีวิตามินซี ที่ช่วยให้ผิวสุขภาพดี และสารสกัดจากผลไม้ต่างๆ ที่ล้างแล้ว ช่วยให้ใบหน้าดูขาวกระจ่างใส แน่นอน ราคาเพียง 140 บาท

7. CUTE PRESS MANUKA HONEY CLEANSING GEL

เจลล้างหน้าลดสิว

นี่เป็นนวัตกรรมการนำน้ำผึ้งมาบำรุงผิวหน้า ซึ่งก็สามารถล้างความสกปรกที่ใบหน้าได้ดีทีเดียว ดีกว่าน้ำผึ้งธรรมดาซะอีก เพราะมีสารสกัดจากน้ำผึ้งธรรมชาติ และผลมะนาว ซึ่งก็มีคุณสมบัติในการช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิว และยังสามารถสร้างความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ด้วย ราคาแค่ 100 บาทเท่านั้น

8. Oxe Cure Facial Liquid Cleanser

เจลล้างหน้าลดสิว

เจลล้างหน้าสูตรน้ำ สูตรอ่อนโยน ฟองน้อยไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองผิว สามารถทำความสะอาดผิวได้อย่างหมดจด ลดสิวและลดการอุดตันของรูขุมขน พร้อมช่วยควบคุมความมันส่วนเกินบนใบหน้า มีสารสกัดจากโพรโพลิสเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย และมีปัญหาสิว ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว ไม่มีส่วนผสมของ แอลกอฮอล์ น้ำมัน และพาราเบน มั่นใจได้ว่าผ่านการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ราคา 200 บาท

9. Bioderma Sensibio Gel Moussant

เจลล้างหน้าลดสิว

แบรนด์นี้นอกจากเด่นเรื่องคลีนซิ่งแล้ว เจลล้างหน้าก็ทำออกมาดีไม่แพ้กัน โดยตัวนี้จะช่วยทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน ไม่มีสารกันเสีย แอลกอฮอล์ น้ำหอม และพาราเบน ทำให้ไม่อุดตันรูขุมขน โดยมีค่า pH balance ที่ไม่ทำให้หน้าเสียสมดุล พร้อมล็อกความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวหน้าไม่แห้งตึงหลังล้างหน้า ราคา 700 บาท

10. Eucerin Pro Acne Solution Cleansing Gel

เจลล้างหน้าลดสิว

เจลล้างหน้าที่ช่วยปัญหาสิว ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยนต่อผิว ช่วยขจัดคราบสกปรก คราบเครื่องสำอาง สลายความมันอุดตันอย่างล้ำลึกถึงต้นตอสิว และช่วยลดความมันส่วนเกิน พร้อมปรับสมดุลผิวให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น ไม่แห้งตึง และช่วยลดโอกาสการเกิดสิว รอยสิว ให้เผยผิวเนียนใสอย่างเป็นธรรมชาติได้ ราคาประมาณ 700 บาทเท่านั้น

นี่ก็เป็น 10 เจลล้างหน้าลดสิว ที่นำมาแนะนำกันและรับประกันว่าใช้ดีจริง! ใครที่มีปัญหาสิวหรือหาเจลล้างหน้าที่ช่วยทำความสะอาดผิวอยู่ก็ไปลองเลือกใช้กันดูได้ แต่อย่าลืมเลือกให้ตรงกับสภาพผิวและปัญหาผิวของตัวเองด้วยนะ ที่สำคัญอย่าลืมล้างและทำความสะอาดผิวหน้าผิวกายทุกวัน จะได้ไม่เสี่ยงในการทำให้เกิดการอุดตันสิว และปัญหาผิวอื่นๆ ที่อาจจะตามได้


วิธีรักษาสิวอักเสบ ด้วยสมุนไพรแบบง่ายๆ แต่เป๊ะเวอร์!

เจลล้างหน้าลดสิว

วิธีรักษาสิวอักเสบ ด้วยสมุนไพรแบบง่ายๆ แต่เป๊ะเวอร์! เรื่องสิวเป็นเรื่องปวดหัวของทุกคน ใครอยากสวย หน้าใส ก็ต้องหาวิธีหยุดสิวเอาไว้ไม่ให้เกิดขึ้นมาใหม่ วันนี้เราจะมาเรียนรู้วิธีรักษาสิวและจุดด่างดํากำจัดลึกถึงปัญหาต่างๆ อย่างตรงจุด ทั้งสาเหตุ วิธีแก้ไข และหนทางป้องกัน ด้วยการใช้สมุนไพรแบบง่ายๆ กัน

การเกิดสิวอักเสบ แบ่งออกเป็น 2 สาเหตุ

การเกิดของสิวอักเสบนั้น ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ก็เกิดขึ้นมาได้เลย มันต้องเกิดมาจากสิวธรรมดาทั่วไปที่เกิดการติดเชื้อมันจึงกลายเป็นสิวอักเสบ จากนั้นจะเริ่มบวม แดง และมีหนอง โดยส่วนใหญ่มักมาจาก 2 สาเหตุ ได้แก่

1. เกิดจากการแกะ เกา

ของมือเรานี่แหละตัวดีที่สุด เวลามีสิว ไม่ว่าจะสิวอะไรก็ตามเราจะชอบไปแกะเกาเสมอ จนทำให้อักเสบ และติดเชื้อแบคทีเรีย Staphylococci

2. เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย

มีเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Propionibacterium acnes มันจะกินไขมันบนหน้าเราเป็นอาหาร และตรงไหนที่มีการอุดตันของไขมัน มันจะยิ่งเจริญเติบโตได้ดีมาก ทำให้สิวบริเวณนั้นเกิดการอักเสบ และระคายเคือง


รู้หรือไม่? สิวอักเสบมีด้วยกัน 5 ประเภท

เจลล้างหน้าลดสิว

1. สิวเสี้ยน (TRICHOSTASIS SPINULOSA)

ในรูขุมขนของเรา บริเวณใบหน้า หลัง หรือจมูกจะมีขนอ่อนที่เกิดขึ้นแล้วเข้าไปอุดตันได้ เพียงแค่เส้นเดียวก็สามารถทำให้เกิดสิวอักเสบได้แล้ว หากคุณมีสิวเสี้ยนเยอะ คุณอาจสนใจบทความนี้ การกำจัดสิวเสี้ยนให้ได้ผล

2. สิวชนิดตุ่มนูนแดง (PAPULE)

การอักเสบชนิดนี้จะเป็นเพียงแค่ส่วนบนของผิวหนัง ทำให้มีรอยนูนแดง

3. สิวชนิดหัวหนอง (PUSTULE)

จะอยู่ในชั้นผิวหนังทั้งชั้นตื้นและชั้นลึก ระยะเวลาในการรักษาอยู่ที่ความลึกของสิวหนอง

4. สิวอักเสบและเป็นก้อนลึก (NODULE)

ถือว่าเป็นสิวอักเสบที่มีอาการหนักพอสมควร เพราะว่าสามารถรักษาให้หายได้ช้ากว่าปกติ และจะท้องรอยแผลเป็นไว้อีกด้วย มีลักษณะเป็นก้อน บวม

5. สิวชนิดเป็นถุงขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง (CYST)

หรืออีกชื่อที่เราเรียกกันว่า “สิวหัวช้าง” มีลักษณะใหญ่ บวม แดง และปวด


การรักษาสิวอักเสบ 3 ระยะ

เจลล้างหน้าลดสิว

1. สิวเป็นไต

ลักษณะของสิวไต คือ เป็นตุ่มแดง และแข็ง เมื่อสัมผัส หรือกด จะรู้สึกเจ็บ แต่ว่าไม่มีหัวหนอง ถือว่าน่ารำคาญมาก เพราะว่าเวลาเผลอเอามือไปโดนจะเจ็บทุกที และก็หายช้าด้วย แถมยังเป็นรอยนูนแดงๆ ควรใช้พวกยาทาแก้อาการอักเสบ สิวจะค่อยๆ ยุบไปเอง อาจจะช้าหน่อย แต่ถ้ารักษาได้ถูกวิธีจะไม่มีหัวหนอง และไม่เป็นแผลเป็น

2. มีหัวหนอง และหัวสิวยังไม่สุก

สิวประเภทนี้จะมันน่าแกะจริงๆ ทางที่ดีเราควรกระตุ้นให้สิวมันสุกไวๆ เพราะจะได้รีบเอาหนองออกมาให้หมด แล้วจะได้รักษาได้เร็วทำให้โอกาสที่จะเกิดแผลเป็นน้อยลง เวลาสิวสุกเราไม่จำเป็นต้องแกะ แต่ว่าเราสามารถออกกำลังกายเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายขับความร้อนได้

แล้วสิวจะหลุดออกมาเอง จากนั้นใช้ครีมแต้มสิว พอเริ่มตกสะเก็ดก็ตามด้วยยาที่ใช้รักษารอยแผลเป็น แต่หากว่าออยากจะกดสิวออกเอง เพราะไม่อยากไปออกกำลังกายให้มันยุ่งยาก ต้องกดตอนที่สิวสุกเต็มที่เท่านั้น ไม่งั้นมันเกิดสิวหัวหนองอีกครั้งตรงที่เดิม

3 สิวสุก

สิวระยะสุดท้าย เราจะต้องเอาหัวหนองออกมาให้หมด จากนั้นก็ทายาป้องกันการติดเชื้อ และการเกิดรอยแผลเป็น


วิธีป้องกันสิวอักเสบ

1. เลิกสัมผัสใบหน้าด้วยมือ

มือของเรานั้นสกปรกมาก เพราะว่าในแต่ละวันเราต้องจับอะไรต่ออะไรไปมากมาย เพราะฉะนั้นหลีกเลี่ยงการเอามือสัมผัสใบหน้า หยุดการแกะ เกา เพราะว่าเชื้อแบคทีเรียจะเข้าไปสู่ผิว และทำให้เกิดจนกลายเป็นสิวอักเสบในที่สุด

2. หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่แพ้หรือมีน้ำมัน

อย่างผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Olive oil และ Lanolin หรือน้ำมัน เพราะสารเหล่านี้จะยิ่งทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน โดยเฉพาะคนที่ผิวหน้าผิวหน้ามัน สิ่งเหล่านี้ควรหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด

3. ล้างหน้าให้สะอาด

ความสะอาดคือหัวใจหลักของการป้องกันสิวที่ดีที่สุด ล้างหน้าทำความสะอาดสิ่งที่อุดตันในรูขุมขนหรือขจัดสิ่งสกปรก การล้างหน้าจะช่วยขับของเสียและน้ำมัน ไม่ให้อุดตันจนกลายเป็นสิว แต่การเลือกแบรนด์คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสําอางควรใช้ตามสภาพผิวของตัวเองอย่างเหมาะสม และที่แนะนำเบื้องต้นคือการไม่ใช้สบู่ทั่วไปล้างหน้า เพราะว่าสบู่มีฤทธิ์เป็นด่าง

4. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์

ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด สำหรับทุกผิวหน้าคือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Water – based หรือ Oil – free เป็นหลัก เพราะไม่เกิดอาการแพ้ ให้ความชุ่มชื้น สร้างความยืดหยุ่น และไม่ทำให้เกิดสิว

5. การมาส์กหน้าด้วยสมุนไพร

จริงๆ แล้วสมุนไพรไทยช่วยรักษาสิว และดูแลผิวหน้าได้เยอะมาก เราแทบจะไม่จำเป็นต้องหาผลิตภัณฑ์จากต่างประเภท หรือหาผลิตภัณฑ์ราคาแพงจากที่อื่นเลย เราสามารถนำสูตรการดูแลผิวด้วยสมุนไพรที่มีมากมายมาใช้ในการมาส์กได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่เป็นสูตรรักษาสิว 8 ตัวเด็ด ที่อยากแนะนำ

1. เปลือกมังคุด

เจลล้างหน้าลดสิว

เราจะใช้น้ำที่คั้นจากเปลือกมังคุด หรือว่าจะนำเปลือกมังคุดมาบดแล้วใส่น้ำอุ่นลงไปก็ได้ นำมาผสมกับดินสอพองให้มีความหนืดนิดๆ จากนั้นทาหน้าให้ทั่ว หรือทาเฉพาะบริเวณสิวอักเสบ หรือจะเอาน้ำสดๆ ทาเลยก็ได้เช่นกัน สามารถทำได้ทุกวัน รับรองเห็นผลไว้ เพราะว่าในเปลือกมังคุดจะมีสาร GM – 1 ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และสาร Xanthone ช่วยลดการอักเสบ และ Tannin ช่วยสมานแผล

2. มะนาวและมะเขือเทศ

เจลล้างหน้าลดสิว

น้ำมะนาว 1 ช้อนชา + เนื้อมะเขือเทศสับ หรือปั่นละเอียด 1 ลูก ลูกขนาดกลางๆ ผสมกันแล้วทาหน้าทิ้งไว้ 10 – 15 นาที จากนั้นก็ล้างออก หรือว่าจะใช้มะเขือเทศอย่างเดียวหั่นแล้วเอามามาส์กหน้าก็ได้เช่นกัน คุณประโยชน์ในมะเขือเทศมีสาร Licopersioin ที่ช่วยจัดการเชื้อแบคทีเรีย และมีกรดอ่อนๆ และน้ำมะนาวที่มี Alpha Hydroxy Acids ช่วยลดการอักเสบ และทำให้หัวหนองเปิด สิวอักเสบหลุดออกมาได้ง่าย ช่วยสมานแผลได้เร็วขึ้นด้วย

3. ว่านหางจระเข้

เจลล้างหน้าลดสิว

สมุนไพรไทยที่ใช้ง่ายจนต้องบอกต่อ ใช้ว่านหางจระเข้ที่มีอายุ 1 ปีขึ้นไป แช่น้ำทิ้งไว้ 10 – 15 นาที เพื่อเอายางออก จากนั้นก็ปอกเปลือกเพราะว่าเราจะใช้แค่วุ้นใสๆ แล้วนำมาล้างน้ำอีกรอบ นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วทาบนใบหน้า หรือเฉพาะตรงจุดที่สิวอักเสบได้ ในว่านหางจระเข้มีสาร Carboxypeptidase ช่วยลดอาการอักเสบ และ Aloctin A ที่ช่วยสร้างเซลล์ใหม่

4. มะละกอ

เจลล้างหน้าลดสิว

มะละกอสุกนอกจากจะทานได้และดีต่อร่างกาย ดีต่อผิวแล้ว ยังสามารถนำมาบดผสมกับข้าวโอ๊ตหรือน้ำผึ้งก็ได้เช่นกัน ทาทิ้งเอาไว้บนใบหน้า 10–15 นาที แล้วล้างออก ทำได้สัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง จะดีต่อผิวมาก เพราะในมะละกอสุกจะมีสาร ชื่อ Papain และ Chymopapain ช่วยลดอาการอักเสบ และทำให้สิวยุบเร็ว

5. กระเทียม

เจลล้างหน้าลดสิว

ใช้กระเทียมกลีบใหญ่ 2–3 กลีบ บด หรือคั้นเอาแต่น้ำ ใช้น้ำกระเทียมมาทาบริเวณเฉพาะจุดเท่านั้น อย่าทาทั่วใบหน้า น้ำกระเทียมจะช่วยลดอาการอักเสบได้เร็ว แต่ว่าทาทิ้งไว้แค่ 10–15 นาทีพอจากนั้นล้างออกให้สะอาด หากทิ้งไว้นานาเกิดอาจทำให้ผิวไหม้ได้

หรือเราจะนำน้ำกระเทียมผสมกับน้ำสายชู ในสัดส่วนที่เท่ากันแล้วทาบริเวณสิวอักเสบทิ้งไว้ 5 นาที แล้วล้างออกก็ได้เช่นกัน ในกระเทียมจะมีสาร Alliin ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และลดอาการอักเสบ 

6. ขมิ้นชัน + ปูนแดง

เจลล้างหน้าลดสิว

ใช้ผงขมิ้นชัน 1 ช้อนชา + ปูนแดงปริมาณ 1/2 ช้อนชา + น้ำมะนาว 1 ช้อน ผสมให้เข้ากันทาบริเวณสิวอักเสบ ทุกเช้า – เย็น ทำได้สัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง ในขมิ้นจะมีสาร Curcuminoids ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ปูนแดงช่วยการสมานแผล และมะนาวสรรพคุณเยอะมาก ทั้งช่วยลอกเซลล์ผิวและลดอาการอักเสบ

7. หอมแดง

เจลล้างหน้าลดสิว

หอมแดง 1 ผล สับละเอียดคั้นเอาแค่น้ำของมัน ทาบริเวณสิวอักเสบทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำได้ทุกวัน แต่บางคนอาจจะไม่ชอบวิธีนี้ เพราะว่าหอมแดงจะมีกลิ่นฉุน เราสามารถลดกลิ่นได้โดยการเอาไปแช่ตู้เย็น ในหอมแดงจะมีสาร Allicin และ Diallyl disulfide ยับยั้งแบคทีเรียได้อยู่หมัด

8. ตำลึง

เจลล้างหน้าลดสิว

นอกจากเอาไปทำอาหารแล้ง ตำลึงยังสามารถทำประโยชน์อย่างอื่นได้อีก โดยใช้ต้นตำลึง 1 กำมือ ตำให้ละเอียดแล้วคั้นเอาแต่น้ำ ชุบสำลีแล้วแปะเอาไว้บนสิวอักเสบประมาณ 15 – 20 นาที จากนั้นล้างออก สามารถทำได้ทุกวัน เพราะว่าตำลึงมีฤทธิ์ช่วยลดอาการอักเสบได้ดีมาก

นอกจากนี้ ควรทำความสะอาดผิวอย่างสม่ำเสมอ ดื่มน้ำให้เพียงพอ พักผ่อนร่างกาย และเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ก็เป็นวิธีลดสิวแบบทางอ้อมที่ดีอีกทางหนึ่ง เพราะจะทำให้ผิวชุ่มชื้น สุขภาพดีจากภายใน และไม่ผลิตความมันส่วนเกินออกมา ปัญหาสิวก็จะลดลงตามไปด้วย


อ้างอิง

https://skinx.app/content/acne/comedones-acne

https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/1321183